กวิ่งเซิน - หมู่บ้านที่มีบ้านหันหน้าไปที่ทิศเดียวกัน

Bùi Hằng
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมท่องเที่ยวชุมชนกวิ่งเซินในอำเภอบั๊กเซิน จังหวัดหล่างเซิน มีบ้านหลายร้อยหลังที่มีสถาปัตยกรรมเหมือนกัน โดยบ้านทุกหลังหันหน้าไปในทิศเดียวกัน เมื่อมาที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้สัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงามและความเงียบสงบเท่านั้น หากยังได้ศึกษาค้นคว้าเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าไตอีกด้วย
กวิ่งเซิน - หมู่บ้านที่มีบ้านหันหน้าไปที่ทิศเดียวกัน - ảnh 1กวิ่งเซิน - หมู่บ้านที่มีบ้านหันหน้าไปทางเดียว

 

หมู่บ้านกวิ่งเซินอยู่ห่างจากใจกลางจังหวัดหล่างเซินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กม. ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าไต มีบ้านยกพื้นแบบดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าไตกว่า 400 หลัง ซึ่งสร้างด้วยไม้มีค่า เช่น ไม้ตะเคียนและไม้ไอรอนวูด เสาบ้านมีทั้งเสากลมและเสาเหลี่ยม ฐานเสาสร้างบนหิน หลังคามุงด้วยกระเบื้องหยินหยาง บ้านมักจะมี 3 ห้องหรือ 5 ห้อง  นาง เจี่ยวเหงวียดงา ไกด์นำเที่ยวของหมู่บ้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยวชุมชนกวิ่งเซิน เผยว่า

“บ้านยกพื้นในหมู่บ้านกวิ่งเซินสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยบ้านทุกหลังหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งตามความคิดของคนรุ่นก่อน เมื่อแต่งงานต้องเลือกภรรยาที่อ่อนโยนและเมื่อสร้างบ้านต้องหันหน้าไปทางทิศใต้จะทำให้บ้านมีความมั่นคง ดึงดูดโชคลาภมาให้แก่เจ้าของบ้าน มีความอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน”

กวิ่งเซินเป็นที่รู้จักเนื่องจากเป็นสถานที่แห่งเดียวในจังหวัดหล่างเซินที่ยังคงอนุรักษ์อาชีพทำกระเบื้องหยินหยางที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งเป็นอาชีพที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีและได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นาย หว่างกงฮึง ผู้ที่ประกอบอาชีพทำกระเบื้องหยินหยางในหมู่บ้านกวิ่งเซินเป็นเวลาหลายปี เผยว่า

“การทำกระเบื้องมี 4 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกคือการหมักดิน นวดดิน คัดแยกสิ่งสกปรกออกแล้วนำไปปั้นเป็นกระเบื้อง ก่อนจะหมักดิน ผมจะพรวนดิน  แล้วใช้เท้าเหยียบให้ดินร่วนต่อจากนั้นก็คัดกรวดออกโดยต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้ 3 ครั้ง ซึ่งใช้เวลานานมาก”

หมู่บ้านกวิ่งเซินให้บริการด้านการท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2010 และได้รับการรับรองเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวโดยคณะกรรมการประชาชนจังหวัดหล่างเซินเมื่อปี 2015 ปัจจุบัน หมู่บ้านมีครอบครัว 10 ครอบครัวที่ให้บริการโฮมสเตย์ เมื่อมาเยือนกวิ่งเซิน นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมือง เช่น ขนมแบบดั้งเดิม หมูย่าง เนื้อย่างในกระบอกไม้ไผ่ กุนเชียง ข้าวเหนียวดำและผักป่า นาง เยืองถิเกี๋ยว ในหมู่บ้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวชุมชนกวิ่งเซิน แนะนำวิธีการทำเนื้อย่างในกระบอกไม้ไผ่ว่า

“ก่อนอื่นต้องเลือกเนื้อหมู ที่อร่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หมักกับเครื่องปรุง เช่น เกลือ   พริกไทยและขิงภูเขา โดยเฉพาะขิงภูเขาจะทำให้เนื้อมีสีแดงน่าทาน  หมักไว้ประมาณ 10 ถึง 15 นาที แล้วนำไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่เผาไฟประมาณ 40 นาที ”

กวิ่งเซิน - หมู่บ้านที่มีบ้านหันหน้าไปที่ทิศเดียวกัน - ảnh 2กวิ่งเซินเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่แห่งเดียวในจังหวัดหล่างเซินที่ยังคงรักษาอาชีพดั้งเดิมในการทำกระเบื้องหยินหยาง

วัตถุดิบสดใหม่ผสมผสานกับเครื่องเทศหลายชนิดช่วยสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้แก่อาหารของหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่มาเยือนกวิ่งเซิน เผยว่า

“สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากที่สุดคือเครื่องเทศซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น เช่น เป็ดย่างและหมูย่างใส่ใบมะไฟจีน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเทศอื่นๆ เช่น หัวหอม ขิงและกระเทียม”

ไม่เพียงแต่เพลิดเพลินกับอาหารแบบดั้งเดิมของชนเผ่าไต นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเชิงประสบการณ์ที่น่าสนใจมากมาย อย่างการห่อขนมข้าวต้มมัดใหญ่ดำ การตำขนมแบ๊งใหญ่ใส่ใบโกฐจุฬาลัมพา ซึ่งเป็นขนมแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกในทุ่งนาของหุบเขาบั๊กเซิน

เมื่อมาเยือนกวิ่งเซิน นักท่องเที่ยวจะได้ฟังการร้องเพลงทำนองแทนที่ไพเราะพร้อมกับเสียงพิณ 3 สายที่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในพื้นที่วัฒนธรรมชุมชนท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง นาง เจี่ยวเหงวียดงา เผยว่า

“เอกลักษณ์พิเศษที่สุดของชนเผ่าไตในหมู่บ้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยวกวิ่งเซินและบั๊กเซินคือการร้องเพลงทำนองแทน ปัจจุบัน การร้องเพลงทำนองแทนได้รับการอนุรักษ์และสานต่อโดยคณะแสดงศิลปะของหมู่บ้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยวกวิ่งเซิน อีกทั้ง สร้างผลงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความงามทางวัฒนธรรมของชนเผ่าไตในกวิ่งเซิน”

ทางการปกครองท้องถิ่นและประชาชนในกวิ่งเซินตระหนักถึงการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมอยู่เสมอ ตลอดจนการอนุรักษ์หมู่บ้านศิลปาชีพควบคู่กับการก่อสร้างกิจการเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน  พัฒนาการท่องเที่ยวผสานกับการแสดงวัฒนธรรมและศิลปะพื้นเมืองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนหมู่บ้านมากขึ้น.

คำติชม