อาคารรัฐสภาอิหร่านหลังเกิดเหตุ (Photo AFP/VNplus)

ในขณะเดียวกัน คนร้ายอีกกลุ่มได้บุกทำลายสุสานอยาตอลลาห์ รูฮัลลาห์ โคไมนี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารรัฐสภาประมาณ 20 ก.ม. โดยคนร้าย 1 คนในกลุ่มได้ยิงใส่ประชาชนในเขตสุสานแล้วดึงชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คนและได้รับบาดเจ็บ 43 คนจากเหตุการโจมตีสองครั้งดังกล่าว ส่วนผู้ร้ายทั้ง 6 คน ซึ่งประกอบด้วย 4 คนที่บุกยึดอาคารรัฐสภาและสองคนที่ยิงใส่ประชาชนในเขตสุสาน 2 คนได้ถูกสังหาร นาย Reza Seifollahi รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านได้เผยว่า ผู้ก่อร้ายทุกคนเป็นชาวอิหร่านที่สมัครเข้ากลุ่มไอเอสและกลุ่มไอเอสได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าว วันที่ 7 มิถุนายน ไอเอสได้ขู่ว่า จะทำการโจมตรีอิหร่านอีกจนกว่ากฎหมายอิสลาม หรือ ชะรีอะห์ จะมีผลบังคับใช้

ประชามติโลกได้ประณามเหตุโจมตีในอิหร่านโดยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนีโอ กูเตอร์เรสได้แสดงความหวังว่า ผู้ก่อเหตุต้องได้รับการลงโทษอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงครามต่อต้านการก่อการร้าย

ส่วนสหรัฐ ฝรั่งเศส รัสเซีย แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเร็ตส์ ปากิสถานและหลายประเทศก็ได้ประณามเหตุโจมตีดังกล่าว โดยประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเสียใจต่อผู้เคราะห์ร้าย และนาย ดมีตรี เปสกอฟ โฆษกวังเครมลินได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเพิ่มประสานงานในการต่อต้านการก่อการร้าย ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาวรอฟ ได้เตือนว่า การโจมตีในอิหร่านได้แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อนของลัทธิก่อการร้ายระหว่างประเทศ ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ยืนยันจุดยืนที่ชัดเจนต่อลัทธิก่อการร้ายว่า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประณามและประท้วงเหตุโจมตีก่อการร้ายที่มุ่งเป้าไปยังประชาชนผู้บริสุทธิ์” ส่วนรัฐบาลปากีสถานได้แสดงความสามัคคีกับประชาชนอิหร่านในช่วงเวลาที่เจ็บปวดนี้.