นายจิ๋งดิ่งหยุง รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามและนาย รุย มาเรีย เด อราอูซูนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต (Photo: vietnamplus.vn)
|
(VOVWorld)-
นอกรอบการประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกเกี่ยวกับอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่๒มิถุนายน นายจิ๋งดิ่งหยุง รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีการพบปะทวิภาคีกับนาย รุย มาเรีย เด อราอูซูนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเตและนาย จูซุฟ คัลลารองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต นาย จิ๋งดิ่งหยุงได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับติมอร์-เลสเต โดยเสนอให้ทั้งสองประเทศธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ ปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนาม พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเจรจาและลงนามข้อตกลงร่วมมือป้องกันอาชญากรรมและการช่วยเหลือด้านตุลาการทางอาญา เป็นต้น เรียกร้องให้ติมอร์-เลสเตผลักดันความร่วมมือด้านการค้าข้าวและปฏิบัติบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับการค้าข้าวในช่วงปี๒๐๑๕-๒๐๑๗ ส่วนนาย รุย มาเรีย เด อราอูซู นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเตได้เผยว่า ติมอร์-เลสเตอำนวยความสะดวกให้เวียดนามได้ใช้โอกาสความร่วมมือในด้านการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลี่ยมและอาหาร
นายจิ๋งดิ่งหยุง รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามมีการพบปะกับนาย จูซุฟ คัลลารองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (Photo: vietnamplus.vn)
|
ส่วนในการพบปะกับนาย จูซุฟ คัลลารองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับมาตรการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นมากขึ้น มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในประชาคมอาเซียน ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะจัดการประชุมครั้งที่๗คณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคนิค มุ่งสู่การบรรลุมูลค่าการค้าต่างตอบแทน๑หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี๒๐๑๘ ส่วน นาย จูซุฟ คัลลาได้ยืนยันว่า อินโดนีเซียจะร่วมกับเวียดนามและประเทศสมาชิกอาเซียนปฏิบัติแถลงการณ์ของประธานการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่๒๖และ๒๗เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก ส่งเสริมให้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะ อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ทุกปัญหาการพิพาทในทะเลตะวันออกต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติ ไม่ขู่หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง มุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็วเพื่อค้ำประกันสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค.