นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม |
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเชื่อมโยงในทุกด้านเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของอาเซียน ซึ่งรัฐบาลของประเทศต่างๆจะสนับสนุนสถานประกอบการในการเชื่อมโยงและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผ่านการปฏิบัติข้อคิดริเริ่มใหม่เพื่อปฏิบัติแผนการประกอบธุรกิในตลาดอาเซียนที่มีประชากร 630 ล้านคน อัตราจีดีพีของปี 2018 อยู่ที่เกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาเซียนเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียและอันดับ 5 ของโลก พร้อมทั้ง เห็นว่า นโยบายมุ่งสู่ทิศใต้ใหม่ที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี มุน แจอินเป็นผู้ริเริ่มมีความคล้ายคลึงกับความคิดริเริ่ม “ประชาคมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เชื่อมโยงอนาคต” อีกทั้ง เชื่อมั่นว่า จะมีส่วนร่วมยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย สาธารณรัฐเกาหลีจะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับอาเซียนในการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนจนถึงปี 2025 มุ่งสู่เป้าหมายร่วมคือสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองฝ่ายจาก 1 แสน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 ขึ้นเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังเสนอให้บรรดาผู้บริหารสถานประกอบการเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัว มีความคล่องตัวและความคิดสร้างสรรค์ อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีต้องยืนหยัดผลักดันการค้าพหุภาคีผ่านการยกระดับกรอบข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี “จากการเป็นประธานอาเซียนในปี 2020 เวียดนามพร้อมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆยินดีต้อนรับบรรดาสถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีตามนโยบายมุ่งสู่ทิศใต้ใหม่เพื่อร่วมมือกับอาเซียน ซึ่งเป็นประชาคมที่สันติภาพ เป็นมิตรและคล่องตัว เวียดนามได้เลื่อนขึ้นอันดับเกี่ยวกับบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจและการพัฒนานวัตกรรม เวียดนามทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการในการประกอบธุรกิจในเวียดนาม
ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้เดินทางไปเยี่ยมชมบูธของเวียดนามในงานแสดงสินค้าสาธารณรัฐเกาหลี-อาเซียน Invetst”