ในการแถลงข่าว ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกกล่าวว่า "มุ่งสู่อนาคตที่สดใส ข้าพเจ้าและท่านประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในนามของผู้นำของทั้งสองประเทศได้ตัดสินใจยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในทุกด้าน" โดยเรามั่นใจว่าด้วยความมุ่งมั่นของผู้นำและประชาชนของทั้งสองประเทศ "ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในทุกด้าน" จะนำความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก้าวเข้าสู่หน้าใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างแข็งแกร่งในระดับใหม่เพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศ มีส่วนร่วมสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาในภูมิภาคและโลก ในนามของผู้นำเวียดนาม ข้าพเจ้าได้เชิญประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลีเดินทางมาเยือนเวียดนามในโอกาสที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด"
ประธานประเทศเวียดนามได้ย้ำถึงหน้าที่ที่สำคัญเพื่อผลักดันการปฏิบัติความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการธำรงการพบปะแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับในหลากหลายรูปแบบ ยืนยันเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีขึ้นเป็นหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี2023และมุ่งสู่ตัวเลขภายในปี2030 ตามแนวทางการค้าที่สมดุล สองฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือด้านแรงงานและการช่วยเหลือแรงงานของกันที่ทำงานในทั้งสองประเทศในการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เวียดนามเห็นพ้องผลักดันการสังสรรค์ทางวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มความเข้าใจระหว่างกันในสังคม อำนวยเงื่อนไขที่สะดวกให้พลเมืองของกันและกัน
ส่วนทางด้านประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีก็ได้เผยว่า สาธารณรัฐเกาหลีมุ่งมั่นขยายความร่วมมือกับเวียดนามในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยผ่านการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักถึงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในความร่วมมือใช้ประโยชน์แร่ที่หายากในเวียดนามตลอดจนกระชับความร่วมมือด้านการเงิน โทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน นอกจากนี้สาธารณรัฐเกาหลียังพิจารณาแผนการสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดในเวียดนาม
|
ส่วนในการเจรจาทวิภาคีก่อนหน้านั้น ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุความเห็นพ้องกันในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการนำความสัมพันธ์ทางการเมืองและความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงของทั้งสองประเทศไปสู่ระดับที่เหมาะสมกับกรอบความสัมพันธ์ใหม่ และสถานการณ์ของภูมิภาคและของโลก ในการเจรจาสองฝ่ายได้เห็นชอบที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ ส่งเสริมความร่วมมือทางการทูต กลาโหม และความมั่นคง ปฏิบัติกลไกความร่วมมือและการเจรจาที่มีอยู่อย่างดี ส่งเสริมผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกลาโหม ยกระดับการประสานงานป้องกันอาชญากรรม โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ องค์กรก่อการร้าย และร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการจัดการปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่
ผู้นำทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โลกและภูมิภาค โดยผู้นำเวียดนามได้ยืนยันว่าเวียดนามสนับสนุนการปลอดนิวเคลียร์และส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือบนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมที่จะประสานงานและมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องในความจำเป็นเพื่อค้ำประกันความมั่นคง ความปลอดภัย และเสรีภาพในการเดินเรือและการบินเหนือทะเลตะวันออก ธำรงบรรยากาศที่สงบ และมีระเบียบตามกฎหมาย และแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี ค้ำประกันสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศต่างๆ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล หรือ UNCLOS 1982
เสร็จสิ้นการเจรจาผู้นำสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีเพื่อยืนยันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเพื่อกำหนดทิศทางให้แก่การเสริมสร้างความไว้วางใจที่ลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ แถลงการณ์การร่วมย้ำว่า เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นหุ้นส่วนชั้นนำและสำคัญของกันและกันในทุกด้าน เห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนทั้งสองและนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก
โอกาสนี้ ประธานประเทศเวียดนามและประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้เป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างกระทรวง สถานประกอบการและท้องถิ่นต่างๆของสองประเทศ.