นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกและนาย มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เข้าร่วมการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน (VGP) |
นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องขยายความร่วมมือในทุกช่องทางทั้งระดับพรรค รัฐบาล รัฐสภาและระดับประชาชน เสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ความร่วมมือที่จริงจังเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมทั้งหารือถึงการจัดตั้งสมาคมส.ส.มิตรภาพเวียดนาม-มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวเดินที่สำคัญเพื่อกระชับความร่วมมือด้านการเมือง โดยเฉพาะระหว่างรัฐสภาทั้ง 2 ประเทศ“พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศได้ประสบผลที่น่ายินดี ปัจจุบัน มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้บรรลุ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเลเซียคือหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับที่ 8 ของเวียดนาม พวกเราจะพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเร็ว ส่งเสริมการลงทุนในด้านต่างๆที่เป็นจุดแข็งของแต่ละฝ่าย อำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาการลงทุนและการค้า โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การท่องเที่ยว การเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สัตว์น้ำ การขนส่งและโลจิสติกส์ รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศอำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการในการแสวงหาโอกาสร่วมมือใหม่”
นายกรัฐมนตรีเวียดนามและมาเลเซียเห็นพ้องส่งเสริมให้บริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติมาเลเซีย หรือ Petronas และ เครือบริษัท Petro เวียดนามขยายความร่วมมือในการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม มีกลไกอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวประมงทั้ง 2 ประเทศในการจับปลาอย่างปลอดภัย และยั่งยืนภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนนาย มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ย้ำว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องใช้กลไกต่างๆของอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆร่วมกัน“ผมรอคอยการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้หารือในการเจรจาและการประชุมต่างๆ สำหรับการค้าทวิภาคี ทั้ง 2 ฝ่ายมีความประสงค์ว่า จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีผ่านการที่มาเลเซียจะส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามมากขึ้นเพื่อสร้างความสมดุลด้านการค้า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการขยายผ่านความร่วมมือระหว่างบริษัทPetronas ของมาเลเซียกับเครือบริษัท Petro เวียดนาม ผมได้เชิญท่านนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกมาเยือนมาเลเซียเพื่อหารือถึงมาตรการกระชับความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ”
สำหรับปัญหาทางทะเล นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า ทั้ง 2ฝ่ายได้เห็นพ้องว่า จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอาเซียนเพื่อค้ำประกันสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือและการบินอย่างเสรีในทะเลตะวันออก แก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธี ปฏิบัติตามกฎหมายสากล อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 ให้ความเคารพกระบวนการทางการทูตและกฎหมาย ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง ไม่มีปฏิบัติการทางทหาร ปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และพยายามบรรลุซีโอซีอย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อผูกมัดทางกฎหมาย.