เวียดนามมีบทบาทที่สำคัญในนโยบายการต่างประเทศของฝรั่งเศส

Chia sẻ
(VOVWORLD) -เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ณ กรุงฮานอย ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับประธานวุฒิสภาฝรั่งเศส เจราร์ด ลาร์เชร์
เวียดนามมีบทบาทที่สำคัญในนโยบายการต่างประเทศของฝรั่งเศส - ảnh 1ภาพการเจรจา

หลังพิธีต้อนรับ ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นว่า ทั้งสองประเทศสามารถผลักดันความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น พลังงาน สาธารณสุข การวิจัยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในงานด้านนิติบัญญัติ สำหรับความร่วมมือพหุภาคี รัฐสภาทั้งสองประเทศต้องส่งเสริมการประสานงานมากขึ้นในฟอรั่มพหุภาคีต่างๆ เช่น สหภาพรัฐสภาโลก ฟอรั่มหุ้นส่วนเอเชีย-ยุโป สหภาพรัฐสภาประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส หรือ APF  รวมทั้งเนื้อหาการผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือด้านการเมืองและการทูต ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม เวืองดิ่งเหวะได้แสดงความประสงค์ว่า ทั้งสองประเทศจะผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสและมีความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ทั้งผ่านช่องทางพรรค รัฐบาล รัฐสภา โดยเฉพาะการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน อีกทั้งเสนอให้ทั้งสองประเทศผลักดันความร่วมมือด้านกลาโหม ความมั่นคง สำหรับความสัมพันธ์ด้านรัฐสภา สภาแห่งชาติเวียดนามมีความประสงค์ที่จะผลักดันความสัมพันธ์กับทั้งวุฒิสภาและสภาล่างฝรั่งเศส

ส่วนประธานวุฒิสภา เจราร์ด ลาร์เชร์ได้ยืนยันว่า เวียดนามมีบทบาทที่สำคัญในนโยบายการต่างประเทศของฝรั่งเศสในทุกด้าน เช่น การเมือง การทูตและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องพลังงานถือเป็นด้านที่ทั้งสองประเทศสามารถผลักดันความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ประธานวุฒิสภา เจราร์ด ลาร์เชร์ ยังเห็นพ้องกับจุดยืนของเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก โดยเห็นว่า ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องเชิดชูกฎบัตรสหประชาชาติ อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 กฎหมายสากล การแก้ไขปัญหาการพิพาทผ่านสันติวิธีบนพื้นฐานของการเคารพกฎหมายสากล

หลังการเจรจา ผู้นำทั้งสองท่านได้เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมการรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2023 ในการกล่าวปราศรัยในพิธี ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ได้ยืนยันว่า

“ปี 2030 เป็นปีพิเศษในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ผมเชื่อมั่นว่า จากความตั้งใจทางการเมืองของผู้นำทั้งสองประเทศและความพยายามของประชาชนทั้งสองประเทศ พวกเราจะพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้เข้าสู่ส่วนลึกและจริงจังมากขึ้น ซึ่งก็เป็นโอกาสเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศแสดงน้ำใจและจิตใจแห่งความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก”.

 

คำติชม