นาย ห่าหงอกเชี้ยน ประธานสภาชนเผ่าของสภาแห่งชาติ (Photo: quochoi.vn) |
โครงการนี้ประกอบด้วย 10 โครงการย่อยที่ได้รับการปฏิบัติในเขตเขาที่มีอัตราครอบครัวชนกลุ่มน้อยร้อยละ 15 ขึ้นไป โครงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ที่ดินสำหรับการผลิต น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของครอบครัวชนกลุ่มน้อย การพัฒนาการเกษตร ป่าไม้ ส่งเสริมศักยภาพและจุดแข็งในเขตต่างๆเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ตามห่วงโซ่คุณค่า การพัฒนาการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อยกระดับความรู้ของแหล่งบุคลากร การอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองของชนกลุ่มน้อยผสานกับการพัฒนาการท่องเที่ยว นาย ห่าหงอกเชี้ยน ประธานสภาชนเผ่าของสภาแห่งชาติได้ประเมินว่า
“นี่เป็นโครงการที่ไม่เพียงแต่เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมเท่านั้นหากยังผสานการปฏิบัตินโยบายสำหรับชนกลุ่มน้อย 100 นโยบายอีกด้วย ถ้าหากปฏิบัติโครงการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยแก้ไขข้อบกพร่อง ในการปฏิบัตินโยบายสำหรับชนกลุ่มน้อย สร้างโอกาสใหม่ให้แก่เขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขาในการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมอย่างยั่งยืนและรอบด้าน ลดช่องว่างการพัฒนาและรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรของชนกลุ่มน้อยเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรของประเทศ”
ยอดเงินทุนเพื่อปฏิบัติโครงการเป้าหมายแห่งชาติในช่วงปี 2021 –2030 อยู่ที่เกือบ 2 แสน 7 หมื่น 2 พันล้านด่งหรือคิดเป็น 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่า จนถึงปี 2030 รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรของชนกลุ่มน้อยในเวียดนามจะเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรของประเทศและอัตราครอบครัวที่ยากจนจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 10 เป็นต้น
ในเช้าวันเดียวกัน สภาแห่งชาติได้หารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายการลงทุนตามรูปแบบหุ้นส่วนภาครัฐกับภาคเอกชนหรือ PPP เพื่อดึงดูดบุคคลและองค์การต่างๆเข้าร่วมการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่ง 5 ด้านที่สำคัญที่ได้ถูกเลือกเพื่อร่วมมือลงทุนตามรูปแบบ PPP คือการคมนาคม พลังงาน การศึกษาและไฟฟ้า เป็นต้น นาย หวูเตี๊ยนหลก ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดท้ายบิ่งได้เผยว่า “ ผมขอเสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณมาตรฐานและขอบเขตของโครงการ PPP และด้านการลงทุนตามรูปแบบ PPP เพราะพวกเราต้องการแหล่งเงินลงทุนเป็นจำนวนมากและการลงทุนตามรูปแบบ PPP ต้องมีความคล่องตัวและรับมือกับกรณีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่เพียงแต่เน้นปฏิบัติโครงการใหญ่เท่านั้นหากยังต้องผลักดันการปฏิบัติโครงการเล็กๆด้วยเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าร่วมโครงการ PPP ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของแต่ละท้องถิ่น”.