อาเซียนต้องยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางของตนในตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา

Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อเช้าวันที่ 9 กันยายน การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 53 ได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และจะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกือบ 20 กิจกรรมเป็นเวลา 4 วันตั้งแต่วันที่ 7-12 กันยายน โดยมี 27 คณะจาก 4 ทวีปเข้าร่วม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก และนายฝ่ามบิ่งมิงห์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เข้าร่วมและกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม
อาเซียนต้องยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางของตนในตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา - ảnh 1บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเข้าร่วมการประชุม (vietnamplus) 

นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ยืนยันว่า จิตใจแห่งความสามัคคีอาเซียนถูกระบุอีกครั้งในตลอดกว่า 8 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด การฟันฝ่าอุปสรรคถูกระบุผ่านคำมั่นในระดับสูงสุดจากบรรดาผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ความสามัคคีไม่เพียงแต่ช่วยให้อาเซียนขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เท่านั้น หากยังช่วยให้ประเทศสมาชิกมีความมั่นใจในการฟันฝ่าปัญหาที่ซับซ้อน

นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ย้ำว่า การแพร่ระบาด ตลอดจนสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมทั้งทะเลตะวันออกกำลังมีความผันผวนอย่างซับซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค เพื่อสานต่อผลงานที่อาเซียนได้บรรลุ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้บรรดารัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียนเน้นถึงเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ “ให้ความสำคัญต่อความสามัคคี รักษาความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ปฏิบัติแผนการแบบบูรณาการและวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 ให้ประสบความสำเร็จ เน้นขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผลักดันการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ให้การช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติโดยเร็ว ช่วยเหลือสถานประกอบการและฟื้นฟูการผลิต ควบคู่กันนั้นคือส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันการสนทนา ร่วมมือสร้างสรรค์ความไว้วางใจในภูมิภาค แก้ไขการพิพาทและความแตกต่างกันอย่างสันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล และ UNCLOS 1982 รวมทั้งเจตนารมณ์ของเอกสารต่างๆของอาเซียนเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันในภูมิภาค”

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในสภาวการณ์ปัจจุบัน อาเซียนต้องยืนหยัดเส้นทางและแนวทางของตนในตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา วาระประธานอาเซียน 2020 ของเวียดนามก็ประจวบกับนิมิตหมายรำลึกครบรอบ 25 ปีที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เวียดนามยืนยันคำมั่นพยายามอย่างสุดความสามารถ ร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนให้ประสบความสำเร็จ

ในการกล่าวปราศรัยในพิธีเปิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้ย้ำว่า อาเซียนกำลังย่างเข้าสู่ระยะการพัฒนาที่รวดเร็วมากขึ้น ผลักดันการสร้างสรรค์ประชาคม ยกระดับสถานะให้สูงเด่นทั้งในระดับภูมิภาคและโลก ดังนั้น นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ มีความประสงค์ว่า ที่ประชุมจะหารือมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปฏิบัติการชี้นำของการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 36 ธำรงความร่วมมือและเชื่อมโยงภูมิภาคต่อไป ฟันฝ่าความท้าทาย อุปสรรค ปฏิบัติเป้าหมายและแนวทางพัฒนาในระยะยาวของอาเซียนให้ประสบความสำเร็จ “พวกเราจะเสริมสร้างความสามัคคี ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ความเคารพผลประโยชน์และความสนใจระหว่างกันเพื่อให้ประเทศสมาชิกมีความผูกพันอย่างยั่งยืนในประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นฝ่ายรุกในการกำหนดแนวทางพัฒนาให้แก่อนาคต พวกเราจะร่วมหารือเกี่ยวกับวิธีการสร้างสรรค์วิสัยทัศน์ใหม่ให้แก่ประชาคมอาเซียนหลังปี 2025 ค้ำประกันการสานต่อผลงานที่ได้บรรลุและช่วยให้อาเซียนปรับตัวเข้ากับโอกาสและความท้าทายในทศวรรษต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

หลังพิธีเปิด บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ประชุมครบองค์เพื่อหารือเกี่ยวกับเนื้อหาสำคัญๆ เช่น กระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน ความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศของอาเซียน ปัญหาในภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ โดยยืนยันถึงความสามัคคีและพร้อมร่วมมือเพื่อฟันฝ่าวิกฤติโควิด-19 นาย Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนได้ย้ำว่า “ในขณะที่โลกกำลังแสวงหาทางออกจากการแพร่ระบาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อาเซียนได้มีก้าวเดินที่เหมาะสมและรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็ว ตลอดจนเตรียมรับมือปัญหาด้านสาธารณสุขฉุกเฉินในอนาคต มาตรการต่างๆในทุกระดับได้ถูกเสนอในกรอบของกลุ่ม ตลอดจนต่อหุ้นส่วนต่างๆเพื่อรับมือโควิด-19 ซึ่งถูกระบุในคำมั่นระดับสูงสุด ด้วยผลงานที่กำลังได้รับการปฏิบัติ รวมทั้งกองทุนรับมือโควิด-19 ฉุกเฉินของอาเซียน”

อาเซียนต้องยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางของตนในตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา - ảnh 2นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม (vietnamplus) 

ในวันเดียวกัน ได้มีหารจัดการประชุมต่างๆ เช่นการประชุมคณะกรรมการสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ SEANWFZ การประชุมประสานงานอาเซียนครั้งที่ 27 การประชุมพิเศษสภาประสานงานอาเซียนเกี่ยวกับการพัฒนาอนุภูมิภาค การประชุมรัฐมนตรีประเทศอาเซียน+3 หรือ เอพีทีครั้งที่ 21 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับหุ้นส่วนจีน สาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่น

ในการประชุมคณะกรรมการสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ SEANWFZ บรรดารัฐมนตรีอาเซียนได้ยืนยันถึงความสำคัญของ SEANWFZ อีกทั้งชื่นชมทุกฝ่ายที่ได้ลงนาม SEANWFZ ผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างเครือข่ายหน่วยงานกํากับดูแลความปลอดภัยจากพลังงานปรมาณูในภูมิภาคอาเซียน หรือ ASEANTOM และสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ

ในการประชุมพิเศษของสภาประสานงานอาเซียนเกี่ยวกับการพัฒนาอนุภูมิภาค บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ย้ำว่า ผลักดันการเชื่อมโยง การพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ต้องผลักดันการขยายตัวในรอบด้านและพร้อมเพรียง และไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ในวันเดียวกัน ได้มีการจัดการประชุมอาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่นและอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี

อาเซียนต้องยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางของตนในตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา - ảnh 3การประชุมอาเซียน-จีน (vietnamplus)

โดยในการประชุมอาเซียน-จีน ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า ความสัมพันธ์อาเซียน-จีนนับวันแน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาเซียนมีความประสงค์ว่า ความร่วมมือนี้จะพัฒนาอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพต่อไปถึงแม้วิกฤตโรคโควิด-19 จะผ่านไปแล้วก็ตาม  ที่ประชุมได้ย้ำถึงความสำคัญของการธำรงสันติภาพและความมั่นคงในทะเลตะวันออกและมีความประสงค์ว่า ซีโอซีจะได้รับการปฏิบัติโดยเร็ว รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ Teodoro L. Locsin Jr. ได้ย้ำว่า “ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีนมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภูมิภาค ทะเลตะวันออกที่มีเสถียรภาพคือความปรารถนาร่วมกันและซีโอซีที่จริงใจและมีประสิทธิภาพจะมีส่วนร่วมรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค ในฐานะประเทศผู้ประสานงาน ฟิลิปปินส์เรียกร้องให้ประเทศต่างๆปฏิบัติตามกฎหมายสากลเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเล รวมทั้ง UNCLOS 1982 ฟิลิปปินส์จะสนับสนุนความพยายามฟื้นฟูการเจรจาเกี่ยวกับซีโอซีถึงแม้ต้องเผชิญการแพร่ระบาด”

ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวังอี้ ได้ย้ำว่า จีนและอาเซียนให้คำมั่นปฏิบัติดีโอซีอย่างมีประสิทธิภาพและแสวงหาวิธีการที่คล่องตัวเพื่อผลักดันกระบวนการเจรจาซีโอซีเพื่อสามารถเสร็จสิ้นซีโอซีบนหลักการแห่งความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์โดยเร็วที่สุดเพื่อเป้าหมายสันติภาพและเสถียรภาพที่ยาวนานในภูมิภาค.

คำติชม