 ภาพการประชุม |
บรรดาผู้แทนได้เผยว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การเข้าร่วมของทั้งระบบการเมืองและการบริหารชี้นำของรัฐบาลได้ช่วยให้เศรษฐกิจมหภาคของเวียดนามยังคงมีเสถียรภาพ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2020 เวียดนามได้เปรียบดุลการค้าเกือบ 1 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถบรรลุเป้าหมายหลักด้านเศณษฐกิจสังคม 8 จาก 12เป้าหมาย กองทุนการเงินระหว่างประเทศพยากรณ์ว่า ในปี 2020 เศรษฐกิจเวียดนามอาจอยู่อันดับที่ 4 ในอาเซียน อัตราการขยายตัวของจีดีพีอาจอยู่ที่ร้อยละ 2-3 ในขณะที่ประเทศต่างๆมีอัตราการขยายตัวติดลบ นาย เหงวียนวันเจี๋ยน ผู้แทนสภาแห่งชาติกรุงฮานอยได้เสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจว่า
“ต้องแก้ไขปัญหาเงินทุน ยกระดับคุณภาพการอบรมแหล่งบุคลากร สร้างบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจที่อำนวยความสะดวกและสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การแข่งขัน พร้อมทั้งปรับปรุงนโยบายสวัสดิการสังคม กระตุ้นการท่องเที่ยวหลังภาวะโควิด-19 มีการตั้งเป้าหมายต่างๆที่เป็นรูปธรรม เช่น พยายามให้อัตราการขยายตัวจีดีพีในช่วงปี 2021-2025 อยู่ที่ร้อยละ 6-6.5 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้”
บรรดาผู้แทนยังได้เสนอให้เน้นลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ผลักดันการปฏิบัตินโยบายสวัสดิการสังคมในเขตทุรกันดารและเขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญ สำหรับสถานการณ์เหตุน้ำท่วมและพายุที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่จังหวัดต่างๆทางภาคกลางในเวลาที่ผ่านมา บรรดาผู้แทนได้เผยว่า รัฐบาลควรกำหนดวิธีการเข้าถึงใหม่ในยุทธศาสตร์การพัฒนา นาย หว่างดึ๊กทั้ง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดกว๋างจิได้เผยว่า
“รัฐบาลควรชี้นำการตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ป่าไม้ การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กในภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียนเพื่อมีมาตรการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการรับมือเหตุน้ำท่วมและฝนตกหนักในระยะยาว ยกระดับทักษะในการพยากรณ์และการแจ้งเตือนภัยพิบัติอย่างทันการณ์ สร้างสรรค์เครือข่ายการสื่อสารเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือภัยพิบัติอย่างพร้อมเพรียง วางผังเขตที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดินถล่มและน้ำท่วมและการกู้ภัยให้แก่หน่วยงานทุกระดับ”
บรรดาผู้แทนได้ยืนยันว่า มีจุดเด่นต่างๆในการปฏิบัติหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจสังคมในวาระที่ผ่านมา เช่น การปฏิรูประเบียบราชการ การสร้างรัฐบาลแห่งการสร้างสรรค์เพื่อรับใช้ประชาชนและสถานประกอบการ นาย หวูเตี๊ยนหลก ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดท้ายบิ่งได้เผยว่า“เวียดนามได้ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้เข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือ CPTPP และข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป หรือ EVFTA ซึ่งมีส่วนร่วมขยายตลาดและผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการตามมาตรฐานสากล เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับนักธุรกิจระหว่างประเทศในการสร้างสรรค์ระบบห่วงโซ่อุปทานระดับโลก”