จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่1,155,778 รายและมีผู้ที่ได้รับการรักษาหายสะสม 937,261 ราย

ส่วนตามรายงานของเว็บไซต์ worldometer.info จนถึงบ่ายวันที่ 24 พฤศจิกายน  ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมเกือบ 259 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 5.1 ล้านราย สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด รองลงมาคืออินเดียและบราซิล

โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกกว่า 4 แสน 9 หมื่น6 พันรายและมีผู้เสียชีวิตกว่า 6 พัน 5 ร้อยราย ซึ่งสหรัฐเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากที่สุดรองลงมาคือเยอรมนีและอังกฤษ   ส่วนรัสเซียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุด รองลงมาคือสหรัฐและยูเครน

ส่วนที่เยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของสภาพยุโรปกำลังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ระลอกที่ 4  โดยในรอบ 24 ชั่งโมงที่ผ่านมา เยอรมนีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 5 หมื่น 4 พันราย และกำลังเผชิญปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกระบวนการฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างช้าลง จนถึงขณะนี้เยอรมนีมีประชากรร้อยละ 68ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งต่ำกว่าบางประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำยุโรปได้พยากรณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ยุโรปจะมีผู้เสียชีวิตกว่า 7 แสนรายในฤดูใบไม้ผลินี้เพราะการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า การผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในหลายประเทศและการที่ชาวยุโรปส่วนหนึ่งไม่ได้รับการฉีดวัคซีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ชาวยุโรปเร่งการฉีดวัคซีนและปฏิบัติมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่างๆ.