สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีติดเชื้อกว่า 49 ล้านราย รองลงมาคืออินเดียและบราซิล เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดยอยู่ที่เกือบ 82 ล้านราย รองลงมาคือยุโรป
นับตั้งแต่ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในทวีปแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน จนถึงขณะนี้ เชื้อไวรัสกลายพันธุ์นี้ได้แพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆในยุโรป เอเชียและทวีปอเมริกา ปัจจุบัน หลายประเทศได้ปฏิบัติคำสั่งห้ามเที่ยวบินและจำกัดการเดินทางไปยังประเทศต่างๆในแถบแอฟริกาใต้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน
ส่วนเมื่อค่ำวันที่ 28 พฤศจิกายน สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เผยว่า ในฐานะเป็นประธานกลุ่มประเทศพัฒนาอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือ จี 7 อังกฤษจะจัดการประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุขกลุ่มจี 7 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันที่ 29 พฤศจิกายนเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการรับมือเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน ปัจจุบัน ประเทศสมาชิกกลุ่มจี 7 คือ อังกฤษ, เยอรมนีและอิตาลีได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน ก่อนหน้านั้น องค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆไม่ปิดชายแดนถ้าหากยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการอย่างเพียงพอและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับระดับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์นี้.