การเจรจาระหว่างสองฝ่าย |
หลังพิธีต้อนรับ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ทำการเจรจากัน โดยชื่นชมการที่ทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติข้อตกลงร่วมมือที่ได้ลงนามเมื่อปี 2013 ธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง สำนักงานต่างๆของสภาแห่งชาติและกลุ่มส.ส มิตรภาพของรัฐสภาทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านนิติบัญญัติ ตรวจสอบ ยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของรัฐสภาแต่ละประเทศ ประสานงานและสนับสนุนกันในกลไกความร่วมมือรัฐสภาพหุภาคี ซึ่งเป็นนิมิตหมายสำคัญของความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างรัฐสภา รวมทั้งสำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ
ในการเสร็จสิ้นการเจรจา ประธานสภาแห่งชาติ เหงียนถิกิมเงินและประธานดูมาแห่งชาติรัสเซีย Vyacheslav Viktorovich Volodin ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมมือระหว่างรัฐสภาของเวียดนามกับรัสเซียและพบปะกับสื่อมวลชน
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ให้การต้อนรับประธานดูมาแห่งชาติรัสเซีย Vyacheslav Viktorovich Volodin (chinhphu.vn) |
เช้าวันเดียวกัน ณ กรุงฮานอย นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ให้การต้อนรับประธานดูมาแห่งชาติรัสเซีย Vyacheslav Viktorovich Volodin โดยเสนอให้รัสเซียผลักดันการปฏิบัติโครงการร่วมมือระหว่างสองฝ่าย เช่นปิโตรเลียม การสร้างสรรค์รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ อีกทั้งพิจารณาการเพิ่มรายชื่อสถานประกอบการเวียดนามที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกสัตว์น้ำไปยังรัสเซียเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของเอฟทีเอ องค์การการค้าโลกและธรรมเนียมปฏิบัติสากล
ส่วนประธานดูมาแห่งชาติรัสเซียเผยว่า ปี 2018 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 และทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามบรรลุ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020
เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ให้การต้อนรับนาย Vyacheslav Viktorovich Volodin |
ส่วนในช่วงบ่าย ณ กรุงฮานอย เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ได้ให้การต้อนรับนาย Vyacheslav Viktorovich Volodin ประธานดูมาแห่งชาติรัสเซีย โดยยืนยันว่า พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับรัสเซียอยู่เสมอ ชื่นชมการที่สภาแห่งชาติเวียดนามและดูมาแห่งชาติรัสเซียลงนามข้อตกลงจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างสำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ
ส่วนนาย Vyacheslav Viktorovich Volodin ประธานดูมาแห่งชาติรัสเซียได้ย้ำว่า การจัดตั้งคณะกรรมการฯไม่เพียงแต่ช่วยผลักดันกลไกความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา.