ฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนาม-อังกฤษ: โอกาสการส่งออกและการลงทุนอีกมากระหว่างสองประเทศ (ภาพ: กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม) |
ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่ม นาย ตะหว่างลิง อธิบดีกรมตลาดยุโรป-อเมริกาของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นปีนี้มาจนถึงปัจจุบัน มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับตลาดส่งออกที่สำคัญในยุโรปส่วนใหญ่ลดลงเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความยากลำบากของเศรษฐกิจโลก แต่มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับอังกฤษยังคงเป็นจุดเด่นโดยใน 10 เดือนที่ผ่านมาบรรลุ 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่น่าสนใจคือ สินค้าส่งออกหลักของเวียดนามไปยังอังกฤษมีการเติบโตที่น่ายินดี เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 สายไฟและสายเคเบิล เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.5 โทรศัพท์และอุปกรณ์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เครื่องจักรกลและอะไหล่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม นาย เหงียนแก๋งเกื่อง อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์ของถสานทูตเวียดนามประจำอังกฤษแสดงความเห็นว่า ในเวลาที่จะถึง สถานประกอบการเวียดนามต้องมีการพัฒนาถ้าอยากส่งออกไปยังอังกฤษ โดยต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษถึง “กลไกการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM” ซึ่งกลไกนี้เป็นของสหภาพยุโรป และมีผลบังคับใช้ในอังกฤษด้วย
ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-อังกฤษหรือ UKVFTA ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมปี 2021 ได้สร้างแรงผลักดันที่เข้มแข็งให้แก่การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ นาง เหงียนแค้งหงอก รองอธิบดีกรมตลาดยุโรป-อเมริกาของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า
“เนื่องจากข้อตกลง FTA ระหว่างเวียดนามกับอังกฤษ ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา อังกฤษเป็นประเทศที่มีโครงการจดทะเบียนใหม่มากที่สุดในเวียดนาม โดยมี 129 โครงการที่ได้รับใบอนุญาตลงทุน รวมยอดเงินลงทุน 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”
นาย David Johnstone หัวหน้าฝ่ายบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ของกระทรวงธุรกิจและการค้าอังกฤษได้แสดงความเห็นว่า การที่อังกฤษลงนามเข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิกหรือ CPTPP เมื่อเร็วๆนี้จะสร้างแรงผลักดันทางการค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับอังกฤษ อีกทั้ง ย้ำว่า นอกเหนือจากผลประโยชน์ที่ชัดเจนในด้านภาษีและการเพิ่มสิทธิพิเศษมากมายเมื่อเทียบกับข้อตกลง FTA ทวิภาคีที่กำลังมีอยู่แล้ว ข้อตกลง CPTPP ยังสร้างผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ทั้งสองประเทศในการเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน และอำนวยความสะดวกในกระบวนการธุรกิจของสถานประกอบการทั้งสองฝ่าย.