 ประธานประเทศ หวอวันเถือง กล่าวปราศรัยในพิธี |
ในการกล่าวปราศรัยในพิธี ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้ย้ำถึงเจตนารมณ์แห่งการปฏิวัติในฤดูใบไม้ร่วงคือ “ไม่มีอะไรที่มีค่ายิ่งกว่าเอกราชและเสรีภาพ” โดยประชาชาติเวียดนามได้ยืนหยัดจิตใจที่กล้าหาญเพื่อฟันฝ่าสงครามที่ดุเดือดครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมการเสียสละของชาวเวียดนามนับล้านคนเพื่อปลดปล่อยประชาชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพ บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ ประชาชนเวียดนามได้มุ่งมั่นตั้งใจแก้ปัญหาความยากจนและความล้าสมัยจนสามารถบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ จากเดิมเป็นประเทศที่ไม่มีชื่ออยู่บนแผนที่โลก ปัจจุบันนี้ เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 192 ประเทศ และกลายเป็นเศรษฐกิจที่คล่องตัวชั้นนำของเอเชีย – แปซิฟิก ประธานประเทศ หวอวันเถือง ย้ำว่า “บนเส้นทางปฏิบัติความคาดหวังที่จะพัฒนาเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้ระดับสูงในปี 2045 เวียดนามต้องส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งแห่งความสามัคคีประชาชาติ ยืนหยัดผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกรอบด้านและ สร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมและเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมให้มีความสมบูรณ์ ปกป้องอธิปไตย การบูรณะภาพแห่งดินแดน ธำรงและส่งเสริมมรดกอันล้ำค่าของคนเวียดนามรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในกระบวนการนี้ ต้องถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้าของประเทศ เป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นเป้าหมายในการประกาศนโยบายต่างๆเพื่อการพัฒนา”
 ภาพในพิธี |
ประธานประเทศยังกล่าวขอบคุณประเทศต่างๆ หุ้นส่วนและประชาชนที่ก้าวหน้าในทั่วโลกได้เดินพร้อมกับเวียดนาม มีความรัก ความไว้วางใจและสนับสนุนเวียดนามเพื่อมีส่วนร่วมต่อผลสำเร็จของเวียดนามมในตลอด 78 ปีที่ผ่านมา สำหรับความท้าทายต่างๆ ของโลกในปัจจุบัน ประธานประเทศ หวอวันเถืองย้ำว่า
“เพื่อรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทุกประเทศ เราต้องสามัคคีกัน ผลักดันความร่วมมือและเสริมสร้างลัทธิพหุภาคี เคารพกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล เวียดนามพร้อมที่จะเป็นสะพานเชื่อมให้แก่ความร่วมมือและการต่างประเทศ เสริมสร้างลัทธิพหุภาคี ผลักดันการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยสันติวิธี ผ่านการเจรจาเกี่ยวกับการพิพาทต่างๆ บนพื้นฐานกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตร์ หุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศ เรามีความมั่นใจว่า บรรดาเอกอัครราชทูต อัครราชทูตและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ประจำเวียดนามจะเป็นสะพานเชื่อมและตัวแทนแห่งมิตรไมตรี ความจริงใจและความผูกพัน ซึ่งมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการขยายความสัมพันธ์ร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วนต่างๆ ในทั่วโลก”
ในนามคณะทูตานุทูตและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ณ กรุงฮานอย นาย Saadi Salama เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำเวียดนาม ได้แสดงความประทับใจต่อผลสำเร็จที่เวียดนามได้บรรลุในเวลาที่ผ่านมา พร้อมทั้งยืนยันว่า จะพยายามต่อไปเพื่อผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในค่ำวันเดียวกัน ที่นครโฮจิมินห์ ได้มีการจัดงานเลี้ยงรับรองแด่ตัวแทนสำนักงานการทูต คณะทูตานุทูต องค์การเอ็นจีโอ องค์การระหว่างประเทศและตัวแทนของชมรมสถานประกอบการต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ในการกล่าวปราศรัยในงาน นาย Roy Kho Ngee Seng กงศุลใหญ่สิงคโปร์ ณ นครโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า 78 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของเวียดนาม โดยได้เปลี่ยนแปลงเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของโลก พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับนครโฮจิมินห์ในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา การวิจัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเวลาที่จะถึง.