โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันจุดยืนของเวียดนามที่ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอันดับต้นๆในยุโรปและโลก เสนอให้ฝ่ายเยอรมนีส่งเสริมผู้ประกอบการเยอรมนีขยายความร่วมมือกับเวียดนามในด้านที่เป็นจุดแข็งและได้รับความสนใจอันดับต้นเช่นอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมการผลิตประกอบ โครงสร้างพื้นฐานอัฉริยะ พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น ซึ่งเวียดนามพร้อมต้อนรับนักลงทุนเยอรมนีเข้าประกอบธุรกิจในเวียดนาม นอกจากนี้เวียดนามก็พร้อมร่วมมือกับเยอรมนีในการรับมือปัญหาโควิด-19 ผลักดันการประสานงานกันเพื่อสนับสนุนการส่งเสริมการฟื้นฟูการค้าและเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะประธานอาเซียน2020และประธานหมุนเวียนอียูในช่วง6เดือนปลายปี2020 ทั้งเวียดนามและเยอรมนีต่างยืนยันคำมั่นพยายามผลักดันความร่วมมือและเชื่อมโยงระหว่างสองภูมิภาคเพื่อมุ่งยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-อียู

ส่วนทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้กล่าวย้ำถึงผลงานที่สำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีและเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายมีโอกาสพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มากพร้อมทั้งยืนยันว่าเยอรมนีจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งมากขึ้นในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิกและมีความประสงค์ว่าเวียดนามจะส่งเสริมบทบาทเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเยอรมนีกับภูมิภาคนี้

เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้หารือและย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของการให้ความเรารพกฎหมายสากลและอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลปี1982 (UNCLOS1982) มีความพยายามร่วมกันเพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความปลอดภัยและความมั่นคงในการเดินเรือและการบินในภูมิภาค.