ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ให้การต้อนรับนาง เคิร์สเตน กิลลิแบรนด์ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ |
ในการนี้ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ได้ชื่นชมการสนับสนุนของพรรคการเมืองทั้งสองในรัฐสภาสหรัฐและสมาชิกรัฐสภาในคณะผู้แทนในการส่งเสริมความสัมพันธ์เวียดนาม – สหรัฐในเวลาที่ผ่านมา และย้ำว่า นี่คือการเยือนเวียดนามครั้งที่ 2 ของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐในปีนี้หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านอย่างเข้มแข็ง และบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมและจริงจัง ส่วน สว. เคิร์สเตน กิลลิแบรนด์ ย้ำว่า การที่ทั้งสองฝ่ายยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านได้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นหุ้นส่วนชั้นนำของสหรัฐในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก
ในเวลาที่จะถึง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในทุกช่องทางและทุกด้าน รวมทั้ง ด้านที่เป็นก้าวกระโดด เช่น นวัตกรรม ปัญญาประดิษฐ์ และการฝึกอบรมบุคลากร ความร่วมมือด้านการผลิตไมโครชิป เซมิคอนดักเตอร์ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ห่วงโซ่อุปทานและการทูตประชาชนผ่านการศึกษา ประธานรัฐสภาหวังว่า สหรัฐจะถอดเวียดนามออกจากรายชื่อเศรษฐกิจที่ไม่ใช่เชิงตลาดโดยเร็ว และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดทำกลไก นโยบาย การสนับสนุนเงินทุนและเทคโนโลยีเพื่อให้เวียดนามปฏิบัติตามคำมั่นเกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาคและโลก นาย เวืองดิ่งเหวะ และนาง เคิร์สเตน กิลลิแบรนด์ ย้ำว่า ต้องส่งเสริมความร่วมมืออย่างมีความรับผิดชอบกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านยุทธศาสตร์มหาสมุทรอินโด-แปซิฟิกและความคิดริเริ่มระดับภูมิภาค เดินหน้าแสดงให้เห็นถึงคำมั่นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการสนับสนุนบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน
ในโอกาสนี้ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ เสนอให้ทั้งสองฝ่ายศึกษาและจัดทำกลไกการเจรจา การแลกเปลี่ยนและประสานงานเป็นประจำระหว่างรัฐสภาและสำนักงานต่างๆของรัฐสภาของทั้งสองประเทศ
ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งแหวะ ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนปัญญาชน ผู้ที่มีสมณศักดิ์และชนกลุ่มน้อยดีเด่นของกรุงฮานอย (VNA) |
ในบ่ายวันเดียวกัน ณ อาคารสภาแห่งชาติในกรุงฮานอย ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งแหวะ ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนปัญญาชน ผู้ที่มีสมณศักดิ์และชนกลุ่มน้อยดีเด่นของกรุงฮานอย โดยชื่นชมส่วนร่วมของพวกเขาต่อขบวนการ แข่งขันรักชาติและการรณรงค์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทขององค์การศาสนาในกิจกรรมรักษาสวัสดิการสังคม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ.