|
ประธานประเทศเจืองเติ้นซางและเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ(Photo:VOV) |
(VOVworld) – ค่ำวันที่๒๖เดือนนี้ ตามเวลานิวยอร์คหรือตรงกับช่วงเที่ยงของวันที่๒๗กรกฎาคม ตามเวลาฮานอย ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามและคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามได้ออกจากนครนิวยอร์ค เดินทางกลับประเทศ เสร็จสิ้นการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายบารัก โอบามาประธานาธิบดี ก่อนหน้านั้น ในกรอบของการเยือนสหรัฐ ประธานเจืองเติ้นซางได้มีการพบปะกับนายบุนคีมูนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ที่สำนักงานสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ค ในการนี้ นายบันคีมูนได้ชื่นชมผลสำเร็จของเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การรักษาความมั่นคงทางการเมือง มีส่วนร่วมให้แก่เสถียรภาพและการพัฒนาของภูมิภาคและโลก และชื่นชมการที่เวียดนามตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและแสดงความประสงค์ที่จะร่วมผลักดันความร่วมมืออย่างกว้างลึกระหว่างสหประชาชาติกับเวียดนามเพื่อเป้าหมายพัฒนาในระยะยาว ส่วนประธานเจืองเติ้นซางได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อบทบาทของสหประชาชาติและมีสถานะสำคัญในนโยบายต่างประเทศของเวียดนาม โดยเฉพาะ แนวทางผสมผสานเข้ากับโลกในเชิงรุก เป็นสมาชิกที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศและยืนยันว่า เวียดนามมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติอย่างแน่นแฟ้นในแนวทางร่วมมือใหม่ๆที่สอดคล้องต่อไปโดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามและความได้เปรียบของแต่ละองค์การชำนัญแห่งสหประชาชาติเพื่อธำรงผลสำเร็จของการปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาแห่งสหัสวรรษหรือMDGs ประธานเจืองเติ้นซางกล่าวว่า เวียดนามมีความประสงค์ว่า สหประชาชาติจะส่งเสริมบทบาทอันยิ่งใหญ่ในการผดุงรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก ผลักดันการสนทนา แก้ไขการพิพาทระหว่างประเทศอย่างสันติบนพื้นฐานปฏิบัติตามหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายสากล อำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ ประเทศกำลังพัฒนา ก่อนหน้านั้น ประธานเจืองเติ้นซางได้มีการพบปะกับนักการศึกษา นักวิจัยเศรษฐกิจของสหรัฐ ทหารผ่านศึกของทั้งสองประเทศ เพื่อนมิตรชาวอเมริกัน ตัวแทนชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐโดยชื่นชมความพยายามและผลสำเร็จของกิจกรรมต่างๆของชมรมการศึกษาสหรัฐ ทหารผ่านศึกของทั้งสองประเทศ บรรดาเพื่อนมิตรอเมริกันของเวียดนามและชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ และแสดงความประสงค์ว่า ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือในหลายด้านอย่างกว้างใหญ่และจริงจังเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในกระบวนการร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหรัฐและนำผลประโยชน์อย่างจริงจังมาสู่ทั้งสองประเทศและภูมิภาค ในการพบปะต่างๆ ฝ่ายสหรัฐได้แสดงความประสงค์ที่จะร่วมกับเวียดนามผลักดันความร่วมมือด้านการศึกษาซึ่งเป็นด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในความสัมพันธ์ทวิภาคีที่นับวันมีความลึกซึ้งโดยมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นรูปธรรมที่เกี่ยวข้องถึงการฝึกอบรมนักศึกษาเวียดนามที่ศึกษาในสหรัฐ การสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยในเวียดนาม ขยายประสิทธิภาพของระเบียบความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสองประเทศ ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ เพื่อนมิตรอเมริกัน ทหารผ่านศึกของทั้งสองประเทศได้แสดงความชื่นชมความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการปิดฉากอดีตและมุ่งสู่อนาคต พยายามผลักดันและส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตอบสนองผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของประชาชนทั้งสองประเทศและอำนวยความสะดวกให้ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ถิ่นเกิดอย่างจริงจัง
|
ประธานประเทศเจืองเติ้นซางและประธานาธิบดี บารัก โอบามา (Photo:VOV) |
ก่อนหน้านั้น เมื่อค่ำวันที่๒๕เดือนนี้ ประธานเจืองเติ้นซางได้ให้การต้อนรับครอบครัวอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันโดยได้ชื่นชมส่วนร่วมของอดีตประธานาธิบดีและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศฮีลารี คลินตันต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐและเชิญครอบครัวของบิล คลินตันเดินทางมาเยือนเวียดนาม ส่วนนายบิลคลินตันและภรรยานางฮีลารี คลินตันเผยว่า ยังคงติดตามสถานการณ์ภูมิภาคและความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอย่างใกล้ชิดและเห็นว่า การที่เวียดนามและสหรัฐกำหนดความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านมีความหมายต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ต่อภูมิภาคและโลก และแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะเป็นเพื่อนมิตร และเป็นหุ้นส่วนที่ดีของเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันต่อไปและมีส่วนร่วมให้แก่สันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐที่เดินทางมาเยือนเวียดนามนับตั้งแต่ปี๑๙๗๕เมื่อเวียดนามรวมประเทศเป็นเอกภาพ ก่อนหน้านั้น ท่านได้ตัดสินใจยกเลิกการเอมบาโก้ มุ่งสู่การปรับความสัมพันธ์เป็นปกติระหว่างสองประเทศเมื่อปี๑๙๙๕และลงนามข้อตกลงการค้าภาคทวิภาคีปีเมื่อ๒๐๐๐ ส่วนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮีลารี คลินตันได้เดินทางมาเยือนเวียดนาม๓ครั้งในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศโดยเป็นผู้ริเริ่มและปฏิบัติตามการกำหนดกรอบความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสองประเทศ ผลักดันการช่วยเหลือเวียดนามในการแก้ไขปัญหาสารพิษสี ส้มไดอ๊อกซิน และเสนอความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง. การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะ การที่ทั้งสองประเทศประกาศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนในทุกด้านได้รับความสนใจจากวงการผู้วิเคราะห์ นายEnrnest Bower ที่ปรึกษาระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยเกี่ยวกับอาเซียนของศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศหรือCSISของสหรัฐกล่าวว่า นี่คือวันที่งดงามที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและชี้ชัดว่า การเยือนสหรัฐของประธานเจืองเติ้นซางและคำปราศรัยของผู้นำทั้งสองประเทศแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองต่างมีความไว้วางใจกันเพื่อสร้างสรรค์ความร่วมมือและ ส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคตสามารถประสบความก้าวหน้าในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ และความมั่นคง และจะเป็นพื้นฐานเพื่อให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านในอนาคต โอกาสนี้ นายMichael Michalak อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตุว่า ในหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างดีงามและจะดีงามยิ่งขึ้นในอนาคต หุ้นส่วนในทุกด้านคือความร่วมมือที่จำเป็นที่จะต้องมีระหว่างสองประเทศ การเยือนสหรัฐของประธานเจืองเติ้นซางเป็นการเปิดทาง ก้าวเดินต่อไปคือ กำหนดเนื้อหาของความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศ ส่วนนายEnrnest Bower เผยว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือTPPจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งออกและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างข้ามขั้น TPPจะอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจอเมริกันเจาะตลาดเวียดนามและช่วยเหลือเวียดนามเจาะตลาดอื่นๆในกลุ่ม./.