ประชามติโลกเปิดโปงการกระทำที่ผิดกฎหมายของจีนในทะเลตะวันออกต่อไป

Chia sẻ
(VOVworld) - หนังสือพิมพ์และนักวิชาการนานาชาติได้เสนอสมมติฐานที่ยืนยันว่า การที่จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะและส่งเรือต่างๆเข้ามาในทะเลตะวันออกเป็นการละเมิดกฎหมายสากล 
ประชามติโลกเปิดโปงการกระทำที่ผิดกฎหมายของจีนในทะเลตะวันออกต่อไป - ảnh 1
เส้นประ 9 เส้น (Photo VNplus)

(VOVworld) – ในหลายวันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์และนักวิชาการนานาชาติได้เสนอสมมติฐานที่ยืนยันว่า การที่จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะและส่งเรือต่างๆเข้ามาในทะเลตะวันออกเป็นการละเมิดกฎหมายสากล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของจีนเพื่อประกาศขอบเขตอำนาจทางกฎหมายของตนในทะเลตะวันออก ในบทความที่ลงบนเว็ปไซต์ Agoravox ของฝรั่งเศสฉบับวันที่ 23 มิถุนายน นาย Andre Bouny หัวหน้าคณะกรรมการระหว่างประเทศที่ให้การช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คำเรียกร้องของจีนในทะเลตะวันออกไม่มีเหตุผลและเดินสวนกับกฎหมายสากล พร้อมทั้งย้ำถึง“ยุทธศาสตร์การแผ่อำนาจ” ของจีนโดยการใช้อาวุธเพื่อยึดหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์ของเวียดนามเมื่อปี 1956 และปี 1974 และแผนที่ของจีนที่วาดในราชวงศ์ชิงช่วงปี 1644 – 1912 ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1904 ก็ได้ยืนยันว่าพื้นที่ใต้สุดของจีนถึงเกาะไหหลำเท่านั้น ไม่รวมถึงหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลและเจื่องซาหรือเสปรตลี่ของเวียดนาม ดังนั้นการที่เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2012 บริษัทปีโตรเลี่ยมไหหยางของจีนหรือซีเอ็นโอโอซีได้เปิดการสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในแปลง 9แห่งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นาย Andre Bounyได้ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เขตพิพาทกันตามอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 จึงมีบริษัทต่างชาติไม่กี่แห่งที่เข้าร่วมการสัมปทานดังกล่าว นอกจากนี้ นาย นาย Andre Bouny ยังลงภาพต่างๆที่แสดงให้เห็นว่า รัฐเวียดนามหลายสมัยได้ยืนหยัดและปฏิบัติอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์และเจื่องซาหรือเสปรตลีตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ที่ได้ระบุในแผนที่ของจีนที่วาดในราชวงศ์ชิง สูติบัตรของพลเมืองเวียดนามที่ออก ณ หว่างซาเมื่อปี 1940  เอกสารทางเทคนิกการก่อสร้างระบบหอประภาคาร ณ หว่างซาหรือพาราเซลล์และบันทึกของสำนักงานอุตุนิยมอินโดจีนปี 1940 ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1942 โดยทำเนียบข้าหลวงใหญ่อินโดจีน
ในวันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ Deutsche Welle ของเยอรมนีได้ลงบทความที่วิเคราะห์ว่า การที่จีนส่งแท่นขุดเจาะอีก 4 แท่นเข้าไปในทะเลตะวันออกในสภาวะการณ์ที่ความตึงเครียดในภูมิภาคกำลังทวีมากขึ้นจะสร้างตัวอย่างสำหรับการเรียกร้องอธิปไตยเหนือบริเวณส่วนใหญ่ในทะเลตะวันออก ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดังกล่าว ดอกเตอร์ Ian Storey เจ้าหน้าที่อวาวุโสของสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ ISEAS ได้เผยว่า การที่จีนส่งแท่นขุดเจาะต่างๆเข้าไปในทะเลตะวันออกได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของจีนในการยืนยันอธิปไตยในทะเลตะวันออกและในอนาคตจีนอาจจะติดตั้งแท่นขุดเจาะอีกหลายแท่นเพราะจีนอยากยืนยันในสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิทางประวัติศาสตร์”ต่อแหล่งทรัพยกรทางทะเล เช่น ปีโตรเลี่ยมและการประมงในบริเวณเส้นประ 9 เส้น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนานาชาติได้เห็นว่า ขัดกับอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS
ส่วนในการเสวนาเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออกที่จัดโดยสมาคมสามัคคีศรีลังกา – เวียดนาม ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ศรีลังกาได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลตะวันออกปัจจุบันโดยย้ำว่า การที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะห่างจากฝั่งทะเลของเวียดนามเพียง 120 ไมล์ทะเล ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ตนสนับสนุนการกระทำที่ชอบธรรม แนวทางอดกลั้นและการใช้สันติวิธีของเวียดนาม ตลอดจนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมการเจรจาและแก้ไขปัญหาพิพาทด้วยสันติวิธี
ส่วนทนายความ M.A. Razwi เผยว่า เวียดนามมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเกี่ยวกับการควบคุมและปฏิบัติอำนาจอธิปไตยของตนในหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซล รวมทั้งการที่นาย Paul Doumer ข้าหลวงใหญ่อินโดจีนได้อนุญาตให้วิจัยและสำรวจเพื่อก่อสร้างหอประภาคารในหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์ตั้งแต่ปี 1899 ดังนั้นหว่างซาจึงอยู่ภายใต้อธิปไตยของเวียดนามอย่างแน่นอน นาย M.A. Razwi ยืนยันว่า การที่จีนใช้อาวุธยึดหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนามเมื่อปี 1974 เป็นการละเมิดกฎหาย อีกทั้งในหมู่เกาะหว่างซามีแต่เกาะปะการังและสันดอนมีเงื่อนไขที่ไม่อำนวยต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่สามารถมีเขตรอยต่อน่านน้ำตามข้อกำหนดของอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลและแท่นขุดเจาะของจีนได้รุกล้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนาม
เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม เลขาธิการสมาคมสามัคคีศรีลังกา - เวียดนามได้ชื่นชมสถานทูตเวียดนามที่ได้จัดสรรค์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลตะวันออกให้แก่ประชามติและสื่อมวลชนศรีลังกา พร้อมทั้งย้ำถึงจุดยืนของสมาคมฯคือ ประท้วงการกระทำที่ผิดพลาดของจีน สนับสนุนเวียดนามในการใช้สันติวิธีเพื่อแก้ไขความตึงเครียดในทะเลตะวันออก และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมการเจรจาและแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธี./.

คำติชม