พิธีต้อนรับนายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกที่สนามบิน |
โดยเว็บไซต์และองค์การที่มีชื่อเสียงต่างๆได้ลงบทความเกี่ยวกับความสำคัญของการเยือนสหรัฐครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม โดยเมื่อวันที่29พฤษภาคม เว็บไซต์ Bloomberg.com ได้ลงบทความที่ระบุว่า ในหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐและเวียดนามได้บรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงความมั่นคงในภูมิภาค รัฐบาลเวียดนามมีความประสงค์ที่จะผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก รวมทั้ง การผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนการค้ากับสหรัฐ การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางมาเวียดนามเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปกหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทางการสหรัฐตระหนักได้ดีเกี่ยวกับบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของเวียดนามในภูมิภาคเอเชียและให้ความสนใจต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนาม
ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ Asia Sentinel ได้ลงบทวิเคราะห์ของนาย David Brow อดีตเจ้าหน้าที่ทางการทูตสหรัฐเกี่ยวกับการเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม โดยให้ข้อสังเกตว่า ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัตินโยบายเชิงยุทธศาสตร์ตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ส่วนในสมัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แม้สหรัฐจะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกแต่สหรัฐยังคงร่วมมือกับเวียดนามพิจารณาการแสวงหาข้อตกลงการค้าทวิภาคี การจัดการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าจะเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในระเบียบวาระการประชุมของนายกรัฐมนตรีเวียดนามในกรอบการเยือนสหรัฐ
ส่วนสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์นานาชาติที่มีสำนักงาน ณ กรุงวอชิงตันได้แนะนำบทความของดอกเตอร์ Jonathan D.London นักวิจัยชั้นนำเกี่ยวกับเวียดนามและเศรษฐกิจ-การเมืองโลกของมหาวิทยาลัย Leiden ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยประเมินการเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรีเวียดนามว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีและศักยภาพการพัฒนาของเวียดนามในอนาคต พร้อมทั้ง ให้ข้อสังเกตว่า ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงความร่วมมือใหม่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่มั่นคงเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจด้านการค้าและกลาโหม ซึ่งสร้างประโยชน์ให้แก่ทั้งสองประเทศ.