|
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ลีเซียนลุงกับท่านNguyễn Phú Trọng เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม(Photo:VOV ) |
(VOVworld) – เมื่อค่ำวันที่๑๒เดือนนี้ ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ท่านลีเซียนลุงนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคกิจประชาชนหรือพีเอพีได้จัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านNguyễn Phú Trọngเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและคณะ ในการนี้ ท่านลีเซียนลุงได้กล่าวว่า เวียดนามและสิงคโปร์มีสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดมาช้านานและได้ร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นในทุกระดับทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ฝึกอบรม การป้องกันประเทศและการพบปะระดับประชาชน ข้อตกลงโครงเกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่ได้รับการปฏิบัติใน๗ปีที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเห็นว่า ความสำเร็จของนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม สิงคโปร์เป็นตัวอย่างของสัมพันธไมตรีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งพัฒนาของทั้งสองประเทศ ซึ่งสิงคโปร์อาจจะถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเวียดนาม ท่านลีเซียนลุงย้ำว่า “ในปี๒๐๑๓ พวกเราจะจัดพิธีฉลองครบรอบ๔๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ผมมีความประสงค์ว่าจะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ซึ่งจะมีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงามที่มีอยู่ในปัจจุบันและยืนยันถึงคำมั่นเกี่ยวกับความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ในอาเซียน และฟอรั่มระหว่างประเทศต่างๆ พวกเราได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับความสำคัญของสันติภาพ เสถียรภาพที่มีต่อการพัฒนาของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองประเทศยังให้คำมั่นเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนที่เอกภาพในปี๒๐๑๕เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมคือกลายเป็นภูมิภาคที่สันติภาพ เจริญรุ่งเรืองและผสมผสาน” ในการนี้ เลขาธิการใหญ่พรรคNguyễn Phú Trọng ได้ยืนยันว่า เวียดนามปฏิบัตินโยบายต่างประเทศที่เอกราช เป็นตัวของตัวเอง สันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่ายบนเจตนารมณ์เป็นมิตรและเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมระหว่างประเทศ บนเจตนารมณ์นี้ เวียดนามให้สัญญาว่า จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเชิงรุกให้แก่เป้าหมายของสมาคมอาเซียนคือ สร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕ดังที่ผู้นำอาเซียนได้วางไว้ ท่าน Nguyễn Phú Trọng กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ว่า“พวกเราสำนึกในบุญคุณต่อความร่วมมือและความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์และมีความยินดีเมื่อเห็นว่า ในหลายปีที่ผ่านมา สัมพันธไมตรีและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สิงคโปร์เป็นนักลงทุนและหุ้นส่วนทางการค้าอันดับแรกของเวียดนาม ปัจจุบัน มีนักศึกษาเวียดนามประมาณ๑หมื่นคนกำลังศึกษาในสิงคโปร์ ความร่วมมือในด้านการบิน การท่องเที่ยวและการพบปะระดับประชาชนก็ดีงามเป็นอย่างยิ่ง ผมและนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงได้มีการเจรจาอย่างเปิดเผยและจริงใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ปัญหาภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน แลกเปลี่ยนทัศนะ โดยเฉพาะ ความประสงค์ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ให้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์”
ก่อนหน้านั้น ภายหลังการเจรจา ผู้นำทั้งสองท่านได้ออกแถลงการณ์ร่วมโดยระบุว่า ในการเจรจา ผู้นำทั้งสองท่านได้รับทราบถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีอันดีงามและยืนยันถึงคำมั่นเกี่ยวกับการขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนและความร่วมมือทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ของอาเซียนและเห็นพ้องกันว่า จะลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปี๒๐๑๓ในโอกาสฉลองครบรอบ๔๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งตามความในข้อตกลงฉบับนี้จะยกระดับความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันและเปิดแนวทางความร่วมมือใหม่ในด้านต่างๆ พร้อมทั้งเน้นความสำคัญของข้อตกลงโครงเกี่ยวกับความเชื่อมโยงในการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผู้นำทั้งสองท่านได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและระหว่างประเทศ และสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันถึงคำมั่นเกี่ยวกับการประสานงานในการปฏิบัติความคิดสร้างสรรค์เสริมสร้างภูมิภาคให้เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในโครงสร้างภูมิภาคที่กำลังพัฒนา ผู้นำทั้งสองท่านได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในทะเลตะวันออกโดยเห็นพ้องกันว่า ต้องแก้ไขปัญหาในทะเลตะวันออกอย่างสันติ สอดคล้องกับกฏหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฏหมายทางทะเลปี๑๙๘๒ แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับหลักปฏิบัติของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือ DOCและแสดงความหวังว่า การเจรจาระหว่างอาเซี่ยนกับจีนเกี่ยวกับร่างระเบียบปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือ COCจะเริ่มขึ้นโดยเร็วและเห็นพ้องกันว่า จะประสานในการผลักดันความคิดสร้างสรรค์ภูมิภาค เช่น ข้อตกลงหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิกและเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางการเงิน พิธีสารฉบับแก้ไขครั้งที่๒เกี่ยวกับข้อตกลงเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนและข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการวิจัยและฝึกอบรมเจ้าหน้ที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม./.