นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้ง พบปะกับนาง เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน |
ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Olaf Scholz นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การขยายความร่วมมือในด้านใหม่ๆ เช่น การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนด้านพลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัลและการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้แสดงความประสงค์ว่า จะประสานงานกับเวียดนามในการส่งเสริมกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้เข้าสู่ส่วนลึก มีประสิทธิภาพ จริงจังและรอบด้าน เห็นพ้องสนับสนุนและประสานงานในปัญหาระดับภูมิภาคและโลก มีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองภูมิภาคและโลก
ส่วนในการพบปะกับนาง เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธาน EC นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปและมีความประสงค์ว่า อียูจะส่งเสริมบทบาทการเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนชั้นนำของเวียดนาม ส่วนนาง เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ได้ยืนยันว่า อียูสนับสนุนเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล พร้อมช่วยเหลือเวียดนามในการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนและร่วมมือกับเวียดนามในการค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคและโลก
ในการพบปะกับประธานสภายุโรป ชาลส์ มิเชล ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความพอใจต่อความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป โดยเฉพาะภายหลัง 10 ปีการปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนและร่วมมือในทุกด้าน ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย ฟันฝ่าวิกฤตโควิด -19และย่างเข้าสู่ทศวรรษแห่งการพัฒนาใหม่ด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะอาดและยั่งยืน
ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้พบปะกับนาย Willy Borsus รองนายกเทศมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าต่างประเทศ การวางผังและการเกษตรเขตวอลโลเนีย ตัวแทนสถานประกอบการและเครือบริษัทใหญ่ของเบลเยียม ในการนี้ นาย Willy Borsus ได้ประเมินว่า เวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของเบลเยียม พร้อมทั้งแสดงความปรารถนาที่จะผลักดันความสัมพันธ์กับเวียดนามอย่างยั่งยืน สถานประกอบการของเขตวอลโลเนียมีความประสงค์ที่จะผลักดันความร่วมมือกับเวียดนามในด้านสาธารณสุข การผลิตและการจำหน่ายยา วัคซีน การเกษตรและการแปรรูปอาหาร พลังงานและการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ส่วนนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้ประเมินว่า เขตวอลโลเนียมีจุดแข็งด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เภสัชภัณฑ์ พลังงานหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นด้านที่เหมาะสมกับแนวทางการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนาม ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพอีกมาก.