นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง รับประทานอาหารเช้าและหารือกับผู้บริหารของเครือบริษัทเศรษฐกิจรายใหญ่ของสวีเดน |
ในการนี้ นาย มาร์คัส วอลเลนเบิร์ก ประธานคณะกรรมการบริหารของเครือบริษัท SEB ซึ่งเป็นผู้บริหารของเครือบริษัท Wallenberg และผู้บริหารบริษัทในเครือต่าง ๆ เช่น Astra Zeneca และ Ericsson ได้หารือ ศึกษาโอกาสและแผนการลงทุนในเวียดนามในด้านต่างๆ อาทิ พลังงาน การเงิน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและโทรคมนาคม
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวถึงโอกาสที่สถานประกอบการสวีเดนจะเข้าร่วมการผลิตไฟฟ้าสะอาดและพัฒนาโครงข่ายส่งไฟฟ้าในเวียดนามว่า เวียดนามได้จัดทำแผนการพัฒนาระบบไฟฟ้า VIII กฎหมายไฟฟ้า มติการพัฒนาเศรษฐกิจเอกชน มติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการพัฒนาไฟฟ้า ระดมและอำนวยความสะดวกเพื่อให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนา เวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมโครงข่ายส่งไฟฟ้าอาเซียน โดยก่อนอื่นต้องจัดสรรไฟฟ้าสะอาดจากเวียดนามไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ดังนั้น สถานประกอบการสวีเดนมีโอกาสที่ดีในการลงทุนในเวียดนามในด้านเหล่านี้
สำหรับโอกาสในการร่วมมือและการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิตหุ่นยนต์และชิปเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนาม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เผยว่า นี่คือด้านที่เวียดนามให้ความสำคัญและเรียกร้องให้มีการลงทุนและพัฒนา และหวังว่า สถานประกอบการสวีเดนจะลงทุน ถ่ายทอดเทคโนโลยี ประสบการณ์การบริหารจัดการ และฝึกอบรมบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ในเวียดนาม
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กับนักศึกษาเวียดนาม ณ มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจสตอกโฮล์ม (VNA) |
ในกรอบการเยือนสวีเดน เมื่อเช้าวันที่ 12 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเศรษฐกิจสตอกโฮล์ม และกล่าวสุนทรพจน์นโยบายสำคัญที่นี่ โดยเผยว่า มีความประทับใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งสรุปออกมาเป็นคำว่า “เสรีภาพ” นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เพื่อมีสันติภาพและเสรีภาพ ประชาชนเวียดนามต้องผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบาก โดยได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากประชาชนทั่วโลก รวมถึงประชาชนสวีเดน ซึ่งน้ำใจที่ดีงามของรัฐบาลและประชาชนสวีเดนเป็นพื้นฐานเพื่อให้ทั้งสองประเทศเวียดนามและสวีเดนเปิดระยะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพที่มีมาช้านานที่ลึกซึ้งและเชื่อมโยงกันมากขึ้นในทุกด้าน
นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปสถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาคและโลกว่า ในสภาวการณ์ที่คาดเดาไม่ได้และซับซ้อนในปัจจุบัน เวียดนามและสวีเดนจำเป็นต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมคุณค่าและรักษาสันติภาพ เอกราชและพึ่งตนเองต่อไป.