นาย เหงียนซวนฟุก ได้รับเลือกจากสภาแห่งชาติให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศ

Chia sẻ
(VOVWORLD) - เช้าวันที่ 5 เมษายน ด้วยเสียงสนับสนุนร้อยละ 97.5 ผู้แทนสภาแห่งชาติได้เห็นพ้องเลือกนาย เหงียนซวนฟุก ให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
นาย เหงียนซวนฟุก ได้รับเลือกจากสภาแห่งชาติให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศ - ảnh 1ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ แสดงความยินดีต่อประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก

ในการกล่าวปราศรัยในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติ ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันที่จะจงรักภักดีต่อปิตุภูมิ ประชาชนและรัฐธรรมนูญประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่พรรค รัฐและประชาชนได้มอบหมายให้ลุล่วงไปด้วยดี

หลังพิธีสานบานตนรับตำแหน่ง ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้กล่าวขอบคุณสภาแห่งชาติและผู้แทนสภาแห่งชาติซึ่งเป็นตัวแทนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศที่ได้เลือกตนให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศและยืนยันว่า ประสบการณ์ของอดีตบรรดาผู้นำคือสมบัติอันล้ำค่าเพื่อให้เขาสานต่อและพยายามเสร็จสิ้นหน้าที่ในฐานะประธานประเทศให้ประสบความสำเร็จ

ในการทบทวนผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ประเทศได้บรรลุในวาระที่ผ่านมา ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า ผลงานที่บรรลุในวันนี้คือความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบ มีความผูกพันกับปฏิบัติการและทัศนะที่เสมอต้นเสมอปลายซึ่งได้สร้างความมุ่งมั่นและจิตใจแห่งการปฏิวัติเวียดนาม เกียรติประวัติแห่งการสร้างชาติที่รุ่งโรจน์และการรักษาประเทศในทุกสมัย ทุกระยะต่างแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพัฒนา ความภาคภูมิใจและการพึ่งพาตนเองของประชาชาติ

นาย เหงียนซวนฟุก ได้รับเลือกจากสภาแห่งชาติให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศ - ảnh 2ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก สาบานตนในพิธีรับตำแหน่ง

ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก แสดงความเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำของพรรค ความมุ่งมั่นและสติปัญญาของชาวเวียดนาม ด้วยพลังที่เข้มแข็งของจิตใจแห่งความสามัคคีประชาชาติและการสนับสนุนของเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ ประเทศเวียดนามจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อพัฒนาก้าวรุดหน้าและปฏิบัติเป้าหมายซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 ได้วางไว้ให้ประสบความสำเร็จ

“เวียดนามเป็นประเทศที่มีกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่ม แต่พวกเรามีหัวใจร่วมกัน อยู่ในชายคาเดียวกัน มีประวัติศาสตร์และภารกิจอันรุ่งโรจน์ มีความคาดหวังเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งและเป็นประเทศพัฒนาภายในปี 2045 การพัฒนาเท่าเทียมกับประเทศมหาอำนาจในโลกตามความปรารถนาของประธานโฮจิมินห์และเจตนารมณ์ของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 นี่ไม่ใช่ของขวัญที่จะได้รับในปี 2045 หากเป็นเป้าหมายอันสูงส่งที่เราต้องมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อวันนี้และคนรุ่นต่อไป บรรพบุรุษได้สร้างประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ด้วยหยาดเหงื่อและความเสียสละ เรามีความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ว่า การสานต่อเกียรติประวัติที่รุ่งโรจน์จะสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเป็นประเทศและประชาชาติที่ร่ำรวยและแข็งแกร่ง”.

คำติชม