หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานประเทศ พลเอก เลืองเกื่อง ได้เข้าพิธีสาบานรับตำแหน่ง โดยยืนยันว่า

“ภายใต้ธงชาติอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อสภาแห่งชาติ ประชาชนและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ ข้าพเจ้า ประธานประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามขอสาบานว่า จะจงรักภักดีต่อปิตุภูมิ ประชาชนและรัฐธรรมนูญของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพรรค รัฐและประชาชนให้ลุล่วงไปด้วยดี”

พลเอก เลืองเกื่อง ยังได้ชี้ชัดว่า

 “ข้าพเจ้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประธานประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามให้ลุล่วงไปด้วยดีตามรัฐธรรมนูญและหน้าที่ที่พรรค รัฐและประชาชนมอบหมายให้ ร่วมกับทั้งพรรค กองทัพและประชาชนดูแล สร้างสรรค์และส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ สร้างนิติรัฐสังคมนิยมที่บริสุทธิ์ เข้มแข็ง ของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน ยืนหยัดปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและพัฒนา มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย เดินหน้าผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง ค้ำประกันผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ เวียดนามเป็นเพื่อน เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ เป็นสมาชิกที่เข้มแข็งและมีความรับผิดชอบของประชาคมโลก พยายามสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศเข้มแข็ง ประชาธิปไตย มีความยุติธรรม มีอารยธรรม เจริญรุ่งเรืองและมีความผาสุก”

พลเอก เลืองเกื่อง เกิดวันที่ 15 สิงหาคมปี 1957 ที่ แขวงหยิวเลา เมืองเหวียดตรี จังหวัดฟู้เถาะ จบการศึกษาจากคณะการสร้างสรรค์พรรคและการบริหารภาครัฐ เข้าเป็นสมาชิกพรรคเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1978 เป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคตั้งแต่สมัยที่ 11 - สมัยที่ 13 สมาชิกกรมการเมืองพรรคสมัยที่ 13 และสมาชิกคณะเลขาธิการกลางพรรคสมัยที่ 12 และ 13

ประหวัดย่อ:

พลเอก เลืองเกื่อง เริ่มปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1975

ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการฝ่ายการเมือง เลขาธิการพรรคสาขากองทัพภาคที่ 2 ในระหว่างเดือนพฤษภาคมปี 2003 ถึงเดือนมีนาคมปี 2006 และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2006 ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลตรี

ดำรงตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการเมืองและเลขาธิการพรรคสาขากองทัพภาคที่ 2 ในระหว่างเดือนเมษายนปี 2006 ถึงเดือนธันวาคมปี 2007

ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 11 เป็นผู้บริหารฝ่ายการเมืองและเลขาธิการพรรคสาขากองทัพภาคที่ 3 ในระหว่างเดือนมกราคมปี 2008 ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2011 และเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2009 ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโท

ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 11 รองหัวหน้าทบวงการเมืองของกองทัพ เลขาธิการพรรคสาขาทบวงการเมืองของกองทัพในระหว่างเดือนมิถุนายนปี 2011 ถึงเดือนธันวาคมปี 2015 และเมื่อเดือนธันวาคมปี 2014 ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทอาวุโส

ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 12  รองหัวหน้าทบวงการเมืองของกองทัพในระหว่างเดือนมกราคมปี 2016 ถึงเดือนเมษายนปี 2016

ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 12 สมาชิกคณะกรรมการพรรคสาขากองทัพส่วนกลาง หัวหน้าทบวงการเมืองของกองทัพ หัวหน้าคณะกรรมการตรวจตราของพรรคสาขากองทัพส่วนกลางในระหว่างเดือนพฤษภาคมปี 2016 ถึงเดือนธันวาคมปี 2020 และเมื่อเดือนมกราคมปี 2019 ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลเอก สมาชิกคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น สมาชิกคณะอนุกรรมการปกป้องการเมืองส่วนกลาง

ดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการเมืองพรรคสมัยที่ 13  สมาชิกคณะกรรมการพรรคสาขากองทัพส่วนกลาง ผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 หัวหน้าทบวงการเมืองของกองทัพ หัวหน้าคณะกรรมการตรวจตราของพรรคสาขากองทัพส่วนกลาง สมาชิกคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น สมาชิกคณะอนุกรรมการปกป้องการเมืองส่วนกลางในระหว่างเดือนมกราคมปี 2021 ถึงเดือนเมษายนปี 2024 และตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2024 ถึงปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการเมืองพรรคสมัยที่ 13 สมาชิกคณะเลขาธิการกลางพรรคสมัยที่ 13 ผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 รองหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น.