ตามข่าวสารนิเทศเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ Gan Kim Yong ได้ยืนยันว่า การที่ RCEP มีผลบังคับใช้จะสร้างแรงผลักดันให้แก่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าระหว่างสิงคโปร์กับประเทศต่างๆที่ลงนามข้อตกลง สถานประกอบการสิงคโปร์หลายแห่งพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP โดยย้ำว่า “การที่ RCEP มีผลบังคับใช้ภายหลัง 1 ปีที่ได้รับการลงนามได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและคำมั่นของภูมิภาคที่จะผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบันนี้”
ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อเร็วๆนี้ เลขาธิการอาเซียน Dato Lim Jock Hoi ได้ย้ำว่า การบังคับใช้ RCEP จะเป็น "แรงผลักดัน" เพื่อขยายการลงทุนและการค้าในภูมิภาคเพื่อฟื้นตัวเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ปัจจุบัน RCEP เป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเชื่อมโยงอาเซียนกับเศรษฐกิจใหญ่ๆของโลก เช่น จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และจะสร้างตลาดที่มีผู้บริโภคจำนวน 2.2 พันล้านคน คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของประชากรของโลก อัตราจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 26.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30 ของจีดีพีโลกและกลายเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของขนาดประชากร.