ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นาย หวูแองกวาง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศเบลเยียมและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำอียูได้ประเมินว่า ข้อตกลง EVFTA จะสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับอียู โดยเฉพาะระหว่างเวียดนามกับเบลเยียม พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า ทั้งสองประเทศจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าและการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การเกษตรอัจฉริยะและ ความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นต้น เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนหลังโควิด -19 อีกทั้ง ชี้ชัดว่า เวียดนามสนับสนุนเบลเยียมในการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือและเทคโนโลยีดิจิทัล เรียกร้องสถานประกอบการเบลเยียมผลักดันให้ทางการเบลเยียมอนุมัติข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนโดยเร็ว
ส่วนนาง Axelle Nicaise รองหัวหน้าคณะผู้แทนอียูประจำเวียดนามได้ประเมินว่า ตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพจึงสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ควบคู่กันนั้นคือการปฏิบัติคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเวียดนามหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่สะดวก พร้อมทั้ง เผยว่า จะมีการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างๆของอียูไปยังเวียดนาม ซึ่งจะสร้างงานทำให้แก่แรงงานเวียดนาม.