การรับใช้ประชาชนและสถานประกอบการคือเป้าหมายของการปรับโครงสร้างองค์กรในระบบการเมืองให้กระทัดรัด

Chia sẻ
(VOVWORLD) - เช้าวันที่ 17 มิถุนายน ณ กรุงฮานอย ได้มีการจัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างประเทศเกี่ยวกับการแก้ไขและเพิ่มเติมบางมาตราของรัฐธรรมนุญและการปฏิบัติรูปแบบการดำเนินการของทางการปกครองท้องถิ่นเป็น 2 ระดับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ 
การรับใช้ประชาชนและสถานประกอบการคือเป้าหมายของการปรับโครงสร้างองค์กรในระบบการเมืองให้กระทัดรัด - ảnh 1การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างประเทศ

ในการนี้ นาย ฝ่ามเติ๊ดทั้ง รองหัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ ให้การศึกษาและรณรงค์มวลชนส่วนกลางได้ระบุว่า

“นี่เป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายทางประวัติศาสตร์ สร้างพื้นฐานทางนิตินัยที่ยั่งยืนให้แก่การจัดและดำเนินการของทางการปกครองท้องถิ่นตามรูปแบบใหม่คือมี 2 ระดับ สนับสนุนการปฏิบัติแนวทางใหญ่ๆ ของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ค้ำประกันความมั่นคงด้านกลาโหมและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ซึ่งเป้าหมายคือ สร้างสรรค์ทางการท้องถิ่นตามแนวทางที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนและรับใช้ประชาชนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งเปิดหน้าใหม่ให้แก่การพัฒนาประเทศด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวนาน ซึ่งอย่างน้อยคือ 100 ปีที่จะถึง”

ในการนี้ ตัวแทนของกระทรวงกิจการภายใน กระทรวงการคลัง คณะกรรมาธิการกฎหมายและตุลาการแห่งสภาแห่งชาติ ได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในการตอบคำถามของสื่อมวลชนต่างชาติเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการชะลอตัวในการผลิตและประกอบธุรกิจในเวียดนามของสถานประกอบการและนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กรในระบบการเมืองให้กระทัดรัด นาย โห่สีหุ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า

“เป้าหมายมุ่งสู่การปรับโครงสร้างองค์กรในระบบการเมืองให้กระทัดรัดคือลดระดับที่เป็นกลาง การเปลี่ยนทัศนะให้เป็นฝ่ายรุกในการแก้ไขทุกปัญหาอย่างมีความคิดสร้างสรรค์เพื่ออำนวยความสะดวกมากที่สุดให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการ การปรับเปลี่ยนนี้จะไม่ส่งผลกระทบและไม่ขัดขวางบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจ โดยจะลดเวลาปฏิบัติระเบียบราชการ ลดค่าใช้จ่าย และมอบอำนาจให้แก่ทางการท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายดูแลโดยตรง เพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการชี้แจงด้วย”

นอกจากนี้ นาย โห่สีหุ่ง ยังอ้างรานงานสถิติของกรมสถิติสังกัดกระทรวงการคลังที่ปรากฏว่า เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้าเวียดนามใน 5 เดือนแรกของปีนี้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บรรลุเกือบ 1 หมื่น 8 พัน 4 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความไว้วางใจของนักลงทุนต่างชาติต่อเวียดนาม.

คำติชม