นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมการประชุมฯ

หลังจากจัดการประชุม 19 ครั้ง การประชุมสุดยอด G20 ปีนี้มีผู้นำจาก 21 เศรษฐกิจสมาชิก G20 ประเทศแขกรับเชิญ 19 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทที่สำคัญ 15 แห่งเข้าร่วม

การประชุมเปิดขึ้นด้วยพิธีเปิดการรณรงค์สหภาพทั่วโลกขจัดปัญหาความยากจนและการอภิปรายเกี่ยวกับการขจัดความยากจน ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยืนยันว่า การขจัดความยากจนเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้ำประกันสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพทั่วโลก

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความสำเร็จของเวียดนามในการเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการขจัดความยากจน โดยจากประเทศที่ยากจน ล้าหลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงครามและถูกคว่ำบาตร ปัจจุบัน เวียดนามได้ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติก่อนแผนการที่วางไว้ 10 ปี โดยอัตราครอบครัวที่ยากจนลดลงจากกว่าร้อยละ 58 ในช่วงต้นปี 1990 เหลือประมาณร้อยละ 1.9 ในปี 2024  เวียดนามได้เลื่อนขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกสินค้าเกษตรชั้นนำของโลก โดยเฉพาะข้าว นายกรัฐมนตรียืนยันว่า เวียดนามจะแก้ไขปัญหาบ้านชั่วคราวและบ้านทรุดโทรมทั่วประเทศอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2025 และบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ก่อน 5 ปี

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้แลกเปลี่ยนบทเรียน 3 บทของเวียดนามในการแก้ปัญหาความยากจน และเสนอ 3 ประเด็นในการค้ำประกันเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการขจัดความยากจนทั่วโลก โดยประเด็นที่ 1 คือ การค้ำประกันสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในการพัฒนาเป็นเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อขจัดความยากจนและการพัฒนาที่ครอบคลุม ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี G20 ต้องส่งเสริมบทบาทเป็นผู้เดินหน้าในการค้ำประกันสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไม่นำปัญหาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีและปัญหาการพัฒนาไปเป็นปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะการค้า การเกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร ประเด็นที่ 2 คือ การค้ำประกันระบบการเกษตรและอาหารโลกที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน ปรับตัวและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือพื้นฐานในระยะยาว นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ G20 ผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสนับสนุนด้านเทคนิค การเงินดอกเบี้ยพิเศษและธรรมาภิบาลที่ชาญฉลาดให้แก่ประเทศที่กำลังพัฒนาในการเปลี่ยนแปลงด้านการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยั่งยืนและสนับสนุนการค้ำประกันห่วงโซ่อุปทานอาหารสำหรับประเทศที่มีรายได้น้อย ประเด็นที่ 3 คือการค้ำประกันการลงทุนด้านมนุษย์ ถือการศึกษาและฝึกอบรม และสวัสดิการสังคมเป็นภารกิจหลักในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความกลมกลืน ครอบคลุมและยั่งยืน

ในตอนท้ายของสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า เวียดนามให้คำมั่นที่จะให้ความสำคัญต่อลัทธิพหุภาคี ความสามัคคีระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดและมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพต่อความพยายามร่วมกันเพื่อสร้างโลกที่ไม่มีความยากจนอย่างยั่งยืน เวียดนามพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และประสานงานกับประเทศต่างๆในการปฏิบัติโครงการใต้-ใต้และไตรภาคีเกี่ยวกับการค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหารและการขจัดความยากจนทั่วโลก

บ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เข้าร่วมการอภิปรายภายใต้หัวข้อ “การปฏิรูปกลไกธรรมาภิบาลระดับโลก.”