นาย ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีและนาย สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาว เป็นประธานการประชุมความร่วมมือลงทุนเวียดนาม – ลาว (VGP) |
ในการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้เผยถึงบรรยากาศและนโยบายการดึงดูดการลงทุนของเวียดนามและลาว ประเมินผลการลงทุนและความร่วมมือทางธุรกิจที่ได้บรรลุในหลายปีที่ผ่านมา หารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศในเวลาที่จะถึง ศักยภาพการลงทุนและความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง แสดงความเห็นว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศต้องมีก้าวกระโดดในเวลาที่จะถึง โดยเฉพาะต้องส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ
“เราต้องส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากในการเชื่อมโยง 2 เศรษฐกิจ โดยให้ความสนใจต่อการพัฒนายกระดับระบบถนนไฮเวย์และทางหลวงเหนือ-ใต้ของเวียดนามเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศลาว ประเด็นที่ 2 คือ เชื่อมโยงทางรถไฟไปยังท่าเรือหวุงอ๊าง หวังว่า สถานประกอบการจะเร่งวิจัยโครงการและยื่นเสนอต่อสำนักงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ประเด็นที่ 3 คือ เชื่อมโยงเศรษฐกิจจุดผ่านแดนของทั้งสองฝ่าย ควบคู่กับการพัฒนาสนามบินเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงกับระบบคมนาคมอื่นๆ”
นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศยังเป็นสักขีพยานในพิธีมอบใบรับรองการลงทุนและ MOU การลงทุนระหว่างสำนักงาน นักลงทุนและสถานประกอบการของเวียดนาม-ลาว (VGP) |
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงห์ชิ้ง ยังเสนอให้เน้นส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เช่น อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม พลังงาน เหมืองแร่ การเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและอีคอมเมิร์ซ อีกทั้ง เสนอให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศเดินหน้าจัดทำนโยบาย ปรับปรุงกลไกให้มีความสมบูรณ์ สร้างกรอบทางนิตินัย บรรยากาศการลงทุนที่สะดวก ผลักดันการลงทุนภาครัฐเพื่อเอื้ออำนวยการลงทุนให้แก่ภาคเอกชน ปฏิรูประเบียบราชการต่อไป โดยเฉพาะมีนโยบายให้ความสนใจเป็นอับดับต้นๆที่เหมาะสมให้แก่สถานประกอบการของทั้งสองประเทศ
ส่วนนาย สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาวแสดงความเห็นว่า ในเวลาที่จะมาถึง รัฐบาล สถานประกอบการและประชาชนของทั้งสองประเทศต้องพยายามปฏิบัติโครงการความร่วมมือใหม่ ๆ ต่อไป กระชับและปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและประสิทธิภาพ อีกทั้ง มีความประสงค์ว่า สถานประกอบการเวียดนามจะศึกษาลงทุนในด้านที่ลาวมีจุดแข็ง เช่น การเกษตรสะอาด การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร แร่ธาตุและพลังงานสะอาด
ในการประชุม นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบใบรับรองการลงทุนและ MOU การลงทุนระหว่างสำนักงาน นักลงทุนและสถานประกอบการของเวียดนาม-ลาวในด้านการเงิน การเกษตรและการทำเหมืองแร่.