เรือนจำหวาหล่อ สถานที่ที่มีโซ่ตรวนและควันไฟใจกลางกรุงฮานอย ณ วันนี้ ได้เป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ ผ่านการจัดงานประวัติศาสตร์เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 71 ปี วันปลดปล่อยกรุงฮานอย 10 ตุลาคม
|
พื้นที่ทางเข้างานนิทรรศการ “บทเพลงแห่งชัยชนะ” ณ โบราณสถานเรือนจำหวาหล่อ – จุดหมายที่ทุกคนได้สัมผัสความทรงจำในช่วงเวลาแห่งสงครามที่น่าภาคภูมิใจ เมื่อเดินก้าวผ่านประตูแห่งนี้ ภาพถ่าย: โบราณสถานเรือนจำหวาหล่อ
|
นิทรรศการ “บทเพลงแห่งชัยชนะ” ประกอบด้วย 3 หัวข้อ ได้แก่ “ความเพียรพยายาม”, “กรุงฮานอย - วันกลับบ้านพร้อมชัยชนะ” และ “มนต์เสน่ห์แห่งเมืองหลวงฮานอย”.
|
สำหรับรายการแรก “ความเพียรพยายาม” ประกอบด้วยข้อมูลและเอกสารที่สะท้อนถึงช่วงเดือนธันวาคม 1946 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองทัพและประชาชนกรุงฮานอยได้ลุกขึ้นต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ การทำสงครามต่อต้านฝรั่งเศสที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปีและเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพื่อขานรับคำเรียกร้องของประธานโฮจิมินห์
|
บริเวณจัดแสดงเอกสารเกี่ยวกับกลุ่มนักปฏิวัติที่ถูกจับและคุมขังในเรือนจำหวาหล่อ เพื่อรำลึกถึงจิตใจแห่งความมุ่งมั่นของคนรุ่นก่อนที่ไม่เคยมีวันยอมแพ้
|
ชาวฮานอยผู้กล้าหาญได้ปกป้องบ้านเรือนทุกหลังและถนนทุกแห่ง ต้อนศัตรูให้อยู่แต่ในเมืองในตลอด 60 วัน
|
ส่วนรายการที่สอง “ฮานอย - วันกลับบ้านพร้อมชัยชนะ” ได้เปิดหน้าใหม่ด้วยเอกสารเกี่ยวกับการลงนามข้อตกลงเจนีวา ซึ่งระบุให้กรุงฮานอยอยู่ในเขตรวมพลของกองทัพฝรั่งเศสเป็นเวลา 80 วัน ในช่วงเวลานั้น ฝ่ายศัตรูพยายามทำลายเศรษฐกิจและวัฒนธรรมด้วยทุกวิธีทาง และชักชวนประชาชนอพยพไปภาคใต้ พร้อมถ่วงเวลาการส่งมอบเชลยศึก
|
ภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางพรรค ประธานโฮจิมินห์ รวมถึงคณะกรรมการรับช่วงการบริหารกรุงฮานอย การเตรียมงานรับช่วงการบริหารถูกจัดเตรียมอย่างรอบคอบ เจ้าหน้าที่ ทหาร และประชาชนฮานอยร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องทรัพย์สิน และขัดขวางแผนการทำลายล้างและการบังคับอพยพของศัตรู
|
ชาวฮานอยต่างปลื้มปิติ เตรียมธงชาติ ดอกไม้ และซุ้มประตูต้อนรับขบวนทัพผู้พิชิตในวันที่ 10 ตุลาคม 1954 ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักและเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจ (ในภาพ: ร้านตัดเย็บกำลังเร่งมือเย็บธงชาติ)
|
ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของวันที่ 10 ตุลาคม 1954 ถนนทุกสายของกรุงฮานอยเต็มไปด้วยธง ดอกไม้ และสีสันอันสดใส ทุกบ้านประดับธงชาติ ป้ายผ้า โคมไฟ และซุ้มต้อนรับ ผู้คนแห่กันออกมาร่วมเฉลิมฉลอง เสียงเพลงแห่งชัยชนะดังขึ้นทั่วเมือง
|
วัตถุจัดแสดงเกี่ยวกับวันปลดปล่อยกรุงฮานอย 10 ตุลาคม 1954 ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของวันสำคัญนั้นให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และระลึกถึง
|
เยาวชนรุ่นใหม่ตั้งใจศึกษาประวัติศาสตร์ แสดงออกถึงความกตัญญูและความเคารพต่อการเสียสละของรุ่นก่อน ที่ได้สละชีพเพื่อให้กรุงฮานอยมีสันติภาพในวันนี้
|
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมนิทรรศการ ได้เรียนรู้เรื่องราวการต่อสู้ 60 วันของชาวฮานอย และจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญก่อนวันปลดปล่อยในปี 1954 อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
|
ในรายการที่สาม “มนต์เสน่ห์แห่งเมืองหลวงฮานอย” นำเสนอภาพถ่ายที่สะท้อนให้เห็นถึงกรุงฮานอย ซึ่งเป็นศูนย์รวมคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของประเทศชาติ
|
ความสวยงามของเมืองหลวงคือการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัย ระหว่างประเพณีดั้งเดิมและวิถีชีวิตสมัยใหม่ พร้อมด้วยอาหารพื้นเมืองและหมู่บ้านหัตถกรรมที่ต่างช่วยแต่งเติมความมีเสน่ห์ให้กับกรุงฮานอยที่แสนอบอุ่นและงดงาม
|
ชาวฮานอยในวันนี้ร่วมแรงร่วมใจกันรักษาและส่งต่อคุณค่าดีงาม สร้างสรรค์บทใหม่ให้กับประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของ “นครวีรบุรุษ” และ “เมืองแห่งสันติภาพ” (ในภาพ: ฉากจำลองชาวฮานอยติติดธงชาติต้อนรับขบวนทัพผู้พิชิตกลับคืนสู่เมือง ภาพ: สถานที่ประวัติศาสตร์คุกหวาหล่อ)
|
ตลอดระยะเวลากว่าเจ็ดทศวรรษภายหลังการปลดปล่อย กรุงฮานอยได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมการอนุรักษ์คุณค่าทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ส่งสารแห่งสันติภาพ สัมพันธไมตรี และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ให้สมกับการยกย่องว่าเป็น “เมืองแห่งสันติภาพ” งานนิทรรศการพิเศษ “บทเพลงแห่งชัยชนะ” จะจัดขึ้นไปจนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2025 ณ โบราณสถานเรือนจำหวาหล่อ เลขที่ 1 ถนนหวาหล่อ แขวงเกื๋อนาม กรุงฮานอย.
|