นายแพทย์ประชาชน เหงวียนเวียดหยาบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจักษุจังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่าได้รับรางวัลการอุทิศในการป้องกันการตาบอดในเอเชีย-แปซิฟิก(VNA) |
เนื่องในโอกาสวันแพทย์เวียดนาม 27 กุมภาพันธ์ ในคอมเมนท์ข่าว “นายแพทย์เวียดนามได้รับรางวัลการอุทิศในการป้องกันการตาบอดในเอเชีย-แปซิฟิก” และข่าว “ยกย่องจรรยาบรรณ จิตใจแห่งความรับผิดชอบให้สมกับโอวาทของประธานโฮจิมินห์ “แพทย์เหมือนแม่ผู้อารี” อาจารย์ เกษม ทั่งทอง คุณ พิเชษฐ์ ทองพุ่ม และคุณ chalinal Sip ต่างแสดงความประทับใจต่อผลงานที่น่ายินดีของหน่วยงานสาธารณสุขเวียดนาม โดยชื่นชมว่า “สุดยอดมากครับ” “แพทย์เหมือนแม่ผู้อารีถูกต้องแล้วครับ” “ขอแสดงความยินดีกับคณะแพทย์ที่ได้รับรางวัลทุกท่านครับ”
นอกจากนี้ ผู้ฟังชาวไทยและหลายประเทศก็ขอบคุณ เวียดนามที่ได้ส่งทีมกู้ภัย อุปกรณ์การแพทย์และบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรีย คุณ Uoy Sambiet จากประเทศกัมพูชา ย้ำว่า “ผมประทับใจเมื่อฟังข่าวเวียดนามบริจาคเงินให้แก่ตุรกีและซีเรีย ประเทศละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐและได้ส่งทีมกู้ภัยสองทีมไปยังตุรกีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์มิตรภาพ ความร่วมมือและการช่วยเหลือจุนเจือกันในช่วงที่ยากลำบากของประชาคมระหว่างประเทศ” ส่วนคุณ Johnny Antonio Ramirez Lopez จากประเทศเปรูได้เขียนมาว่า “ ขอแสดงความยินดีต่อประเทศเวียดนามที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมความสามัคคีอันล้ำค่าเช่นนี้ ในช่วงเศร้าสลดที่ตุรกีต้องฟันฝ่านั้น พวกคุณเป็นคนกล้าหาญ ของยกยองสดุดีทุกคนที่ได้เข้าร่วมภารกิจนี้”
เอกอัครราชทูต ฟานชี้แถ่งได้เดินทางไปเยือนและพูดคุยกับชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยนจังหวัดหนองบัวลำภู (VNA) |
หลังจากที่อ่านข่าวเกี่ยวกับการลงพื้นที่เยือนจังหวัดอุดรธานี คุณ Poonpalung Tuntipong ได้คอมเมนท์ว่า “เห็นข่าวท่านทูตไปตรวจเยี่ยมงานก่อสร้างโครงการ Vietnam Town ที่อุดรธานีด้วยครับ” ส่วนในข่าว “สร้างสรรค์ชุมชนชาวเวียดนามในประเทศไทยอย่างยั่งยืน” อาจารย์ เกษม ทั่งทองได้คอมเมนท์ว่า “ยินดีที่เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย ฟานชี้แถ่งได้พบปะกับคณะผู้บริหารของสมาคมชาวเวียดนามในจังหวัดขอนแก่น”
ในข่าว “นับเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันที่จังหวัดบิ่งเยืองติดท็อป 21 ชุมชนอัจฉริยะโดดเด่นของโลก” ผู้ฟังหลายคนได้แสดงความยินดีที่เวียดนามเมืองหลายแห่งติดท็อประดับโลกมากขึ้น
คุณ Hari Santosa จากประเทศอินโดนีเซีย ได้ส่งอีเมลมาถามว่า “เมืองไซ่ง่อนเปลี่ยนชื่อเป็นนครโฮจิมินห์เมื่อไหร่” ครับ หลังชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 30 เมษายนปี 1975 เป็นเวลากว่าหนึ่งปี คือเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมปี 1976 ที่ประชุมครั้งที่ 1 สภาแห่งชาติสมัยที่ 6 ได้ประกาศมติเปลี่ยนชื่อประเทศเวียดนามเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและเปลี่ยนชื่อไซ่ง่อน- ยาดิ๋งเป็นนครโฮจิมินห์
|
ต่อไปคืออีเมลของอาจารย์ เกษม ทั่งทอง ที่ได้ส่งมายังรายการของเราเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ โดยอาจารย์เขียนว่า “ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม ของแต่ละปี เป็นช่วงที่คนไทยมีรายได้เกิน 150,000 บาท/ปีจะต้องไปเสียภาษีเงินได้ประจำปีที่ผ่านมา คนที่มีเงินเดือนประจำมักจะใช้การหักภาษี ณ.ที่จ่ายทุกเดือน เมื่อถึงตอนจ่ายภาษีประจำปี บางปีจ่ายไว้เกินก็จะได้รับคืนภาษี แต่ถ้าปีใดจ่ายไม่พอก็จะเสียภาษีเพิ่ม การเสียภาษีมีแบบไม่มีคู่สมรส และแบบมีคู่สมรส ถ้ามีคู่สมรสก็จะมีแบบมีบุตรและแบบไม่มีบุตร การคำนวณภาษีก็จะแตกต่างกัน เพราะมีค่าลดหย่อนบุตรได้ 2คนและลดหย่อนค่าการศึกษาด้วย ผมมีคู่สมรส และมีบุตร 2คนแต่ทั้งสองบรรลุนิติภาวะอายุเกิน 20ปีแล้ว จึงไม่ได้ค่าลดหย่อนบุตร ได้ค่าลดหย่อนเฉพาะตนเองและคู่สมรสเท่านั้น การยื่นแบบเสียภาษีใช้ได้ทั้งยื่นแบบด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรท้องที่ และยื่นแบบออนไลน์ไปยังเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว เพียงแต่เรามีข้อมูลรายได้ครบถ้วน ถ้าจ่ายเกินก็จะโอนเงินคืนเข้าบัญชีธนาคารได้เลย แต่ถ้าไปสำนักงานสรรพากรก็จะได้รับเช็คเงินสดแทน ที่เวียดนามมีการเสียภาษีเงินได้อย่างไรบ้างครับ”
การเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลในเวียดนามก็คล้ายๆ กับไทยครับ โดยผู้ที่ทำงานในภาครัฐที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 11 ล้านด่งขึ้นไปจะต้องเสียภาษีในทุกปี แต่การเสียภาษีก็มีแบบไม่มีคู่สมรส และแบบมีคู่สมรส ถ้ามีคู่สมรสก็จะมีแบบมีบุตรและแบบไม่มีบุตร การคำนวณภาษีก็มีค่าลดหย่อนบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ 2 คนและบุตรที่เป็นคนพิการ นอกจากนี้ ยังมีค่าลดหย่อนพ่อแม่ที่ไม่ได้อยู่ในวัยทำงานและไม่มีเงินบำนาญหรืออยู่ในวัยทำงานแต่เป็นผู้พิการ และมีค่าลดหย่อนสามี/ ภรรยาที่เป็นคนพิการด้วย ที่เวียดนามไม่มีการลดหย่อนค่าการศึกษาเพราะในระดับประถมและมัธยมตอนต้น ไม่ต้องเสียค่าเทอม...