บทความต่างๆของเราที่โพสทางเว็บไซต์ www.vovworld.vn ได้รับความสนใจจากคุณผู้ฟังหลายๆท่าน เช่นคุณ เก๋ ชลินันท์ และแฟนพันธุ์แท้หลายๆท่านบอกว่าอยากอ่านหนังสือเรื่อง “45 ปี ปิยสัมพันธ์ ไทย - เวียดนาม (ค.ศ.1976 - 2021) : มรรคาแห่งประวัติศาสตร์” ของดร. เจืองถิหั่ง ซึ่งเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็ได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสด้วย ถ้าหากท่านผู้ฟังสนใจก็สามารถอ่านออนไลน์ได้ทางลิงก์ที่เราส่งให้นะครับ
อาจารย์ เกษม ทั่งทอง แฟนพันธุ์แท้ของรายการถามว่า “Vietnam Times ประกาศผลประกวดบทความ 45 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม เป็นอย่างไรบ้างครับ” ครับ เราได้ติดต่อกับคณะกรรมการจัดงานและได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ได้เสร็จสิ้นรอบคัดเลือกแล้ว แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 รอบชิงชนะเลิศจึงถูกเลื่อนโดยผลการประกวดจะประกาศในเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ หวังว่า จะมีผู้ฟังชาวไทยได้รับรางวัลในการประกวดครั้งนี้ด้วย
การตรวจหาเชื้อในกรุงฮานอย (TL) |
คุณ พิเชษฐ์ ทองพุ่ม ได้คอมเมนท์บนข่าว “การป้องกันและควบคุมโควิด-19 อย่างคล่องตัวควบคู่กับการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจสังคม” ว่า “ การระบาดอันยาวนานของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆโดยยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ทำให้หลายๆประเทศต่างก็หาวิธีและวางแผนการป้องกันและควบคุมโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจที่จะต้องขับเคลื่อนเดินหน้ากันต่อไป หลังจากที่หยุดชะงักมานาน สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดควบคู่ไปกับการเปิดประเทศซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 เป็นต้นไปหลังจากที่ได้เปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกส์มาก่อนหน้านี้แล้วซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ดีขึ้น ด้วยการปรับตัวเข้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนก็คงมีนโยบายคล้ายกันนี้ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ช่วงแรกก็คงเป็นแบบกล้าๆกลัวๆ และหาทางปรับปรุงวิธีการให้ดีและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตให้เหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด ขอเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จด้วยดีนะครับ”
สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากอีเมลและคอมเมนท์ของผู้ฟังชาวไทย ทางวีโอวี 5 ยังได้รับจดหมายและอีเมลจากผู้ฟังหลายประเทศที่ส่งคำอวยพรถึงเจ้าหน้าที่ของวีโอวี 5 เนื่องในโอกาสวันสตรีเวียดนาม 20 ตุลาคม โดยคุณ Johnny Antonio Ramirez López จากประเทศเปรูได้เขียนว่า “ผมขอส่งคำอวยพรถึงแรงงานสตรีทุกคนที่กำลังทำงานในภาคภาษาต่างๆของส่วนกระจายเสียงต่างประเทศวีโอวี 5 และทั่วประเทศเวียดนาม ซึ่งได้ช่วยให้ผู้ฟังอย่างพวกเราทราบถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างสรรค์โลกและมนุษย์ให้ดีขึ้น”
ส่วนคุณ Juan Diez จากประเทศเสปนได้อวยพรว่า “ผมขอส่งคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันสตรีเวียดนาม 20 ตุลาคม ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและสภาแห่งชาติ สตรีเวียดนามได้รับสิทธิ์และผลประโยชน์ที่ชอบธรรม ซึ่งสิทธิผลประโยชน์เหล่านี้จะไม่ถูกละเมิดในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม”
ดนตรีคั่น
ต่อไปคืออีเมลของอาจารย์ เกษม ทั่งทอง “จากรายการตอบจดหมายครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงการแต่งกายของชนเผ่าพื้นเมืองของเวียดนาม ที่เมืองไทยก็มีการแต่งกายด้วยผ้าพื้นเมืองของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ นักเรียน สัปดาห์ละ 1 วัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกวันศุกร์ แต่ละจังหวัดแตกต่างกัน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย จะมีเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบ ทั้งผ้ามัดหมี่ ผ้ามัดย้อม ผ้าขาวม้าสีสันต่างๆ จังหวัดชัยภูมิที่ผมเคยทำงานอยู่ที่นั่นทุกวันศุกร์ นักเรียนชั้นประถม และมัธยม จะใส่เสื้อที่ทำจากผ้าขาวม้าไปโรงเรียน ทั้งชายและหญิง ส่วนครูก็ใส่ผ้าไทย ที่ทอด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม เมื่อมาอยู่จังหวัดขอนแก่น เห็นนักเรียนใส่เสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของดอกคูน ทุกวันศุกร์เช่นกัน เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติจะเห็นสีเหลืองดอกคูนเต็มพื้นที่”
ดอกคูนในกรุงฮานอย (dangcongsan.vn) |
ต่อไปคือคอมเมนท์ของคุณ พิเชษฐ์ ทองพุ่ม ในนรายการเพลง “ดอกสัตบรรณยามฤดูใบไม้ร่วง” ว่า “ได้เห็นธรรมชาติสีเขียวๆแล้วมีความสุขมาก” นอกจากนี้ คุณ พิเชษฐ์ ทองพุ่ม ยังส่งข้อความมาบอกว่า “ นอกเหนือจากต้นสัตบรรณเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฮานอยแล้ว ในประเทศไทยก็นิยมชมชอบไม้ชนิดนี้มากเช่นกันครับ ต้นตีนเป็ด หรือพญาสัตบรรณ หรือสัตบรรณ ชื่อภาษาอังกฤษ White Cheesewood มักออกดอกช่วงตุลาคม-ธันวาคม และที่สำคัญดอกมีกลิ่นหอมแรง เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย มีประโยชน์ในการช่วยบังแดดและให้กลิ่นหอมของต้นไม้ชนิดนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนนิยมหันมาปลูกต้นตีนเป็ด แต่ความหมายอันเป็นสิริมงคลของต้นนี้ต่างหากที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากนำมาปลูกไว้ในบ้านนั่นเอง ด้วยลักษณะต้นทรงพุ่มที่ดูคล้ายฉัตร หรือ ฉัตรบรรณ เครื่องชั้นสูงที่ใช้ในขบวนแห่นั้น เชื่อกันว่ามีความหมายที่เป็นเกียรติเป็นพญา น่าเคารพยกย่อง และด้วยชื่อที่ขึ้นต้นว่า “สัต” ยังหมายถึงคุณธรรมและสิ่งดีงาม หากนำมาปลูกไว้ก็จะทำให้คนในบ้านได้รับการเคารพยกย่องจากคนอื่น ๆ ขอบคุณวิทยุเวียดนามที่นำเรื่องราวของต้นสัตบรรณพร้อมบทเพลงที่มีความไพเราะมาฝากกันครับ”
ดอกสัตบรรณมีความหมายที่น่าจดจำเป็นอย่างมากในประเทศไทย ส่วนสำหรับคนฮานอยที่อยู่ไกลบ้าน เมื่อหวนนึกถึงฤดูใบไม้ร่วงในกรุงฮานอย ต่างก็นึกถึงกลิ่นหอมหนักของดอกสัตบรรณ ซึ่งถึงแม้ตามความคิดเห็นของอาจารย์ เกษม ทั่งทอง ที่บอกว่า “บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบกลิ่นและบางคนก็แพ้ละอองเกสร จะไอจามเมื่อเดินผ่าน” แต่ถ้าหากพำนักอาศัยในต่างประเทศหรือต่างจังหวัด ชาวฮานอยมักจะคิดถึงกลิ่นหอมนี้มากเมื่อฤดูใบไม้ร่วงเวียนมา...