(VOVworld) - ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามมีสัญญาณที่น่ายินดี โดยเศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ อัตราการขยายตัวจีดีพีใน 6 เดือนแรกของปี 2016 อยู่ที่ร้อยละ 5.52 ซึ่งถึงแม้ตํ่ากว่าอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของปี 2015 แต่จากสัญญาณที่น่ายินดีในภาคการผลิตอุตสาหกรรม สินค้าขายปลีกและการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ เวียดนามยังคงตั้งเป้าหมายว่า จะบรรลุอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจในระดับสูงในปีนี้
ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี อากาศหนาวจัดในจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือและปัญหานํ้าทะเลซึมในจังหวัดต่างๆทางภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อการผลิตเกษตร รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจใหญ่ๆของโลกที่ถดถอย ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจใน 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่เพียงร้อยละ 5.52 ดร. เหงวียนซวนแถ่ง ผู้อำนวยการโครงการหลักสูตรการสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Fullbright ได้เผยว่า“เมื่อปลายปี 2015 สามารถมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจและการพัฒนาการค้าโลกชะลอตัว ส่วนที่เวียดนาม ภาคการเกษตรได้ประสบความลำบากมาก ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจอาจไม่สามารถมีการขยายตัวตามแผนในปีนี้ ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ รัฐบาลเวียดนามได้พยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจแล้ว แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาแสดงให้เห็นว่า ยากที่จะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวด้านเศรษฐกิจที่วางไว้”
แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือซีพีไอใน 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะดัชนีการผลิตของหน่วยงานอุตสาหกรรมผลิตประกอบหรือ IIP ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่กว่าร้อยละ 10 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดมูลค่าการขายปลีกและรายได้จากการให้บริการทั่วประเทศอยู่ที่ร้อยละ 9.5 ซึ่งหลังจากที่เวียดนามเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆอย่างสมบูรณ์ใน 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ ก็จะเอื้อให้แก่การขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรและสัตว์นํ้า ส่วนกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเวียดนามพยากรณ์ว่าอัตราการขยายตัวด้านการส่งออกของเวียดนามในปี 2016 อาจจะอยู่ที่ร้อยละ 8.5
อีกหนึ่งจุดเด่นของเศรษฐกิจเวียดนามใน 6เดือนแรกของปีนี้ก็คือ การดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ เอฟดีเอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยอดเงินทุนที่ได้รับการเบิกจ่ายอยู่ที่กว่า 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนยอดเงินลงทุนจดทะเบียนบรรลุกว่า 1 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2015 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีของเศรษฐกิจเวียดนามใน 6 เดือนที่เหลือของปี 2016
ดร. เหงวียนดึ๊กแถ่ง หัวหน้าสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและนโยบายได้เผยว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตัวด้านเศรษฐกิจในปีนี้ รัฐบาล กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่น รวมทั้งผู้ประกอบการต่างต้องมีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง โดยรัฐบาลต้องวางนโยบายที่สอดคล้องกับการปฏิรูประเบียบราชการเพื่อขยายการเชื่อมโยงระหว่างกระทรวงและหน่วยงานต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของการขยายตัวด้านเศรษฐกิจในยุคแห่งการผสมผสาน หลีกเลี่ยงกับดักรายได้ปานกลางและปัญหาต่างๆในการผสมผสาน ส่วนผู้ประกอบการเวียดนามต้องใช้ประโยชน์จากนโยบายและข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆอย่างเต็มที่และเผยว่า“ต้องให้ความสนใจต่อปัญหาต่างๆด้านนโยบายและการปฏิบัตินโยบาย รวมทั้งจัดตั้งกลไกการวางนโยบายและปฏิบัตินโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารชี้นำการปฏิบัติที่ขาดประสิทธิภาพระหว่างกระทรวงและท้องถิ่นต่างๆ พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้แก่การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการ รวมถึงการจัดตั้งสภาการแข่งขันเพื่อป้องกันการผูกขาดและความร่วมมือแบบเครือญาติ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาคุณภาพและฝือมือแรงงาน การผลิตแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงเพื่อทำงานในภาคอุตสาหกรรม”
ส่วนในการกล่าวปราศรัยสรุปการประชุมรัฐบาลประจำเดือนมิถุนายนเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมใน 6 เดือนที่เหลือของปี 2016 นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีได้ยํ้าว่า“กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องเน้นปรับปรุงบรรยากาสการลงทุนประกอบธุรกิจตามมติของรัฐบาล ผลักดันการเบิกจ่ายเงินทุนอย่างรวดเร็ว ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในเขตที่ราบลุ่มแม่นํ้าโขง เขตภาคกลางตอนใต้และเขตที่ราบสูงเตยเงวียนฟื้นฟูและพัฒนาการผลิต ซึ่งถือเป็นพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ รักษาเสถียรภาพทางสังคมและคํ้าประกันสวัสดิการสังคม ตลอดจนใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและขยายตลาดการส่งออก”
ควบคู่กันนั้น รัฐบาลเวียดนามได้กำชับให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องมีนโยบายที่คล่องตัวเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ปรับเสถียรภาพทางการเงินและควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ส่วนสำหรับผู้ประกอบการนั้น ต้องใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีและจุดแข็งต่างๆในการผสมผสานอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การยกระดับผลผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อผลักดันการส่งออก.