นาย เหงียนวันถ่วน ผู้จัดการของบริษัทลองหายจำกัด
(Photo baophapluat.vn)
|
ถึงแม้มีเงินลงทุนไม่มากนัก แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทลองหายจำกัดยังคงใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านด่งเพื่อติดตั้งระบบทำงานอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในการตัดสินใจอย่างกล้าหาญของบริษัทโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานลดลงกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะ ในช่วงวิกฤตโควิด -19 ทางบริษัทยังคงสามารถรักษาการผลิตประกอบธุรกิจและรายได้ของแรงงานอย่างมีเสถียรภาพ นาย เหงียนวันถ่วน ผู้จัดการของบริษัทฯ กล่าวด้วยความภูมิใจว่า “เราได้ลงทุนระบบการผลิตอัตโนมัติ โดยใช้หุ่นยนต์แทนมนุษย์ ซึ่งช่วยให้แรงงานไม่ต้องทำงานหนัก ส่วนเงินเดือนของแรงงานในบริษัทก็ได้รับการค้ำประกัน ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ดังนั้นหลังจากที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในเบื้องต้น เราก็ฟื้นฟูการผลิตทันที”
บริษัท ลองหาย แค่เป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งของเวียดนามที่ยังคงประสบความสำเร็จแม้ในภาวะวิกฤตโควิด -19 เนื่องจากมีความคล่องตัว ความคิดสร้างสรรค์และสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี ตามรายงานของคณะกรรมการวิจัยการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน สังกัดสภาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิรูประเบียบราชการของนายกรัฐมนตรี มีสถานประกอบการถึงร้อยละ 52 ที่ให้พนักงานทำงานผ่านระบบออนไลน์ ทำการตลาดและการค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จนสามารถธำรงการผลิตและประกอบธุรกิจในช่วงเวลาที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ชมรมสถานประกอบการเวียดนามได้มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วและสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและพัฒนาอย่างเข้มแข็งได้หลังจากที่โควิด -19 ได้รับการควบคุม
บรรดาผู้เชี่ยวชาญให้ข้อสังเกตว่า ถ้าหากมองในแง่ดี การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีและขั้นตอนการทำงานตามแนวทางประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งทำให้สถานประกอบการต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็วมากขึ้น นาย เหงียนชี้เฮี๊ยว ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจแสดงความคิดเห็นว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสมากมายให้สถานประกอบการฟันฝ่าวิกฤตและพัฒนาอย่างเข้มแข็ง “โอกาสแรกที่ผมอยากกล่าวถึงคือ สถานประกอบการสามารถฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อแปรความท้าทายให้เป็นโอกาสได้ สองคือ โอกาสเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาด เพราะคู่แข่งในตลาดยุติกิจการ ซึ่งทำให้เรามีส่วนแบ่งมากขึ้น สามคือการใช้โอกาสจากโครงการสนับสนุนต่างๆของรัฐบาล”
หลังหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความผันผวนด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้ต้องเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทาย แต่เศรษฐกิจเวียดนามได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเข้ากับสภาวการณ์ใหม่และประสบผลที่น่ายินดีต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในทางลบของการแพร่ระบาดยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ดังนั้น การเป็นฝ่ายรุกและความคิดสร้างสรรค์ยังคงเป็นมาตรการสำคัญเพื่อให้สถานประกอบการทุกภาคส่วนสามารถอยู่รอดก่อนที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อปฏิบัติสองเป้าหมายใหญ่พร้อมกันคือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และการพัฒนาเศรษฐกิจ./.