ดึงดูดและยกระดับคุณภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี๒๐๑๕

Vu Duy, Thu Hoa - VOV
Chia sẻ
(VOVWorld)-ถึงแม้สถานการณ์โลกในปี๒๐๑๕มีความผันผวนแต่เวียดนามยังคงดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมากอย่างมีเสถียรภาพ  จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน  ยอดเงินลงทุนจดทะเบียนใหม่และเพิ่มเติมอยู่ที่กว่า๒หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ความพยายามในการปรับปรุงสถาบันเศรษฐกิจและผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของเวียดนามในเวลาที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานเพื่อรักษาเสถียรภาพและผลักดันการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

(VOVWorld)-ถึงแม้สถานการณ์โลกในปี๒๐๑๕มีความผันผวนแต่เวียดนามยังคงดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมากอย่างมีเสถียรภาพ  จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน  ยอดเงินลงทุนจดทะเบียนใหม่และเพิ่มเติมอยู่ที่กว่า๒หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ความพยายามในการปรับปรุงสถาบันเศรษฐกิจและผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของเวียดนามในเวลาที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานเพื่อรักษาเสถียรภาพและผลักดันการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ



ดึงดูดและยกระดับคุณภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี๒๐๑๕ - ảnh 1
โครงการของบริษัทSamsung Display เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีในจังหวัดบั๊กนิง 

สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคของเวียดนามยังคงมีเสถียรภาพ  เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ  ค่าเงินด่งมีเสถียรภาพ  โครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนาม ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่มการลงทุนเวียดนามทั่วโลกที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๕ ณ กรุงฮานอย นาย บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามได้เผยว่า บรรยากาศการลงทุนในเวียดนามในปี๒๐๑๕ได้รับการปรับปรุงอย่างเข้มแข็ง  โดยเฉพาะ ในด้านนโยบายและกฎหมาย   ซึ่งกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไขและกฎหมายผู้ประกอบการฉบับแก้ไขที่รัฐสภาอนุมัติเมื่อปี๒๐๑๔ได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ  โดยกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไขได้ยกเลิกระเบียบการตรวจสอบการลงทุน ลดเวลาการทำระเบียบการจดทะเบียนให้แก่นักลงทุน ลดจำนวนสาขาอาชีพที่ถูกห้ามและการประกอบธุรกิจที่ต้องมีเงื่อนไข ส่วนกฎหมายผู้ประกอบการฉบับแก้ไขก็ได้สร้างก้าวกระโดด  โดยไม่จำกัดจำนวนสาขาอาชีพที่ผู้ประกอบการประกอบธุรกิจ ซึ่งได้สร้างแรงดึงดูดใจให้แก่บรรดานักลงทุนต่างชาติในเวียดนาม
สิ่งที่น่าสนใจในปี๒๐๑๕ คือการเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ  โดยเมื่อก่อนนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติเน้นลงทุนในด้านการเงิน หลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น แต่ในหลายปีที่ผ่านมา บรรดานักลงทุนต่างชาติได้หันมาสนใจลงทุนในด้านการผลิต การประกอบธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน  อุตสาหกรรมสนับสนุน อุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิตเกษตร เป็นต้น ซึ่งเป็นด้านที่สำคัญและสอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาและการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของเวียดนาม ในหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดบิ่งเยืองได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะดึงดูดแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มูลค่า๑พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ทุกๆปี เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจังหวัดบิ่ง เยืองต่างสูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ และบิ่งเยืองเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ดึงดูดแหล่งเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากที่สุดของเวียดนาม  ทางการจังหวัดฯได้เป็นฝ่ายรุกในการคัดเลือกโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับการพัฒนาของท้องถิ่น  เชิญชวนให้เครือบริษัทและผู้ประกอบการใหญ่ลงทุนในด้านอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง  ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญ เช่น ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์  เภสัชภัณฑ์และเครื่องจักรกล นาย หมายหุ่งหยุง ผู้อำนวยสำนักงานวางแผนและการลงทุนจังหวัดบิ่งเยืองได้เผยว่า “ต้องจำกัดการลงทุนที่ก่อมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและใช้แรงงานจำนวนมากและทางการจังหวัดยังให้การสนับสนุนนักลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีสะอาดลงทุนนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม  โดยเฉพาะ ในจังหวัดต่างๆในภาคเหนือ ส่วนจังหวัดต่างในภาคใต้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการบริการ “

ดึงดูดและยกระดับคุณภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี๒๐๑๕ - ảnh 2
นาย เหงวียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม

ในปี๒๐๑๕ นักลงทุนต่างชาติได้ลงทุนใน๑๘แขนงอาชีพ ซึ่งในนั้น อุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิตเป็นด้านที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด โดยมีโครงการจดทะเบียนใหม่๘๙๒โครงการและโครงการที่เพิ่มเงินทุน๔๙๑โครงการ  โดยเน้นในด้านการผลิต การจัดสรรไฟฟ้าและอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน มี๕๗ประเทศและดินแดนที่มีโครงการลงทุนในเวียดนาม โดยสาธารณรัฐเกาหลีเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดรวมเงินทุนของเวียดนามด้วยเงินลงทุนจดทะเบียนและเพิ่มเติมอยู่ที่๖.๓พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  รองลงมาคือมาเลเซีย ญี่ปุ่นและ British Virgin Island ซึ่งโครงการลงทุนใหญ่ๆคือ โครงการโรงไฟฟ้าเยวียนหายหมายเลข๒ของนักลงทุนมาเลเซียในจังหวัดจ่าวิง โครงการบริษัทSamsung Display เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีในจังหวัดบั๊กนิง  เป็นต้น

ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่มการลงทุนเวียดนามทั่วโลกที่มีการเข้าร่วมของผู้บริหารเครือบริษัทและนักลงทุนรายใหญ่ของโลก  นาย เหงวียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำว่า แม้จะประสบอุปสรรคมากมาย แต่อัตราการขยายตัวของจีดีพีเวียดนามในช่วงปี๒๐๑๑-๒๐๑๕ยังบรรลุเฉลี่ยร้อยละ๕.๙ต่อปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น   โดยอัตราการขยายตัวจีดีพีเวียดนามในปี๒๐๑๕จะอยู่ที่ร้อยละ๖.๕  นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอได้เปิดตลาดการค้าใหญ่ระหว่างเวียดนามกับ๕๕ประเทศหุ้นส่วน รวมทั้ง สมาชิกของกลุ่มจี๗และ๑๕ประเทศสมาชิกของกลุ่มจี๒๐  นาย เหงวียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำว่า “เวียดนามได้ปฏิบัติโครงการปฏิรูปการลงทุนภาครัฐ  อำนวยความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  ให้ความสนใจต่อโครงการที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมสนับสนุนและการบริการ  มติเกี่ยวกับการลงทุนตามรูปแบบร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนหรือพีพีพีที่จะมีผลบังคับใช้จะสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดการเข้าร่วมของภาคเอกชน  โดยเฉพาะ แห่งเงินทุนเอฟดีไอ”
ปี๒๐๑๕เป็นปีที่เวียดนามเข้าร่วมกิจกรรมเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญต่างๆ  ซึ่งเวียดนามได้ลงนามและเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงที่สำคัญ๔ฉบับกับตลาดใหญ่ โดยเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงใหญ่๒ฉบับคือข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกหรือทีพีพีและข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียู  พร้อมทั้ง ลงนามข้อตกลง๒ฉบับคือข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีและข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป  ควบคู่กับความพยายามในการปรับปรุงระเบียบราชการ  การปรับปรุงสถาบันต่างๆและการผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนและเปิดโอกาสมากมายเพื่อผลักดันการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนามในเวลาที่จะถึง.

Komentar