การแนะนำลิ้นจี่สดของเวียดนามให้แก่ชาวเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน |
หลังการส่งออกลูก“sấu (ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracontomelon ในวงศ์พระเจ้าห้าพระองค์ แช่แข็งของเวียดนามงวดแรก22 ตันไปยังตลาดออสเตรเลีย ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 390,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ก็มีสถานประกอบการของเนเธอร์แลนด์ได้ประสบความสำเร็จในการนำเข้าลิ้นจี่เวียดนามผ่านทางเรือรวม 6 ตัน รวมมูลค่าประมาณ 1 พันล้านด่ง เพื่อจำหน่ายในตลาดยุโรป ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่สร้างความหวังให้แก่เกษตรกรเวียดนามและสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติที่ชื่นชอบสินค้าเวียดนามในทั่วโลก
ในตลาดเนเธอร์แลนด์ ลิ้นจี่สดของเวียดนามขายอยู่ที่ 18 ยูโร หรือประมาณ 500,000 ด่งต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ก็ยังมีการส่งออกลิ้นจี่แทงห่าของจังหวัดหายเยืองเกือบ 1ตันโดยทางเครื่องบินไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อเดือนมิถุนายน เพื่อจำหน่ายให้แก่ซูเปอร์มาเก็ตเอเชียในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศสและเยอรมนี ก่อนหน้านั้น 2 วันสำนักงานการค้าและสถานประกอบการเวียดนามได้ส่งลิ้นจี่ตัวอย่างไปยังซูเปอร์มาเก็ตเอเชียในเนเธอร์แลนด์ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนลิ้นจี่หลุกหงานรวม 6 ตันที่ส่งออกทางทะเลจากท่าเรือไฮฟองไปยังท่าเรือ Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้รับคำชื่นชมจากลูกค้าว่า หอมและหวานมาก คุณ หวอถิหงอกเหยียบ ผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์ของเวียดนามประจำเนเธอร์แลนด์เผยว่า “เรามีความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถส่งออกลิ้นจี่สดของเวียดนามไปยังยุโรปโดยทางเรือนี่ เป็นนิมิตหมายที่สำคัญเพื่อช่วยให้ในเวลาข้างหน้าสถานประกอบการจะมีการลงทุนอย่างรอบคอบมากขึ้นและเปิดอนาคตให้แก่การส่งออกผลไม้สดไปยังตลาดยุโรปอย่างยั่งยืน”
ในความเป็นจริง การนำลิ้นจี่เวียดนามไปจำหน่ายในตลาดเนเธอร์แลนด์ประสบอุปสรรคมากมาย ซึ่งต้องการความพยายามสูงของทั้งสถานประกอบการส่งออกและสถานประกอบการนำเข้า สถานประกอบการเวียดนามจะต้องนำลิ้นจี่สดของเวียดนามไปให้ถึงมือของผู้บริโภควก่อนลิ้นจี่ของประเทศอื่นๆที่ส่งออกมายังตลาดแห่งนี้ทุกปี นอกจากนี้ ลิ้นจี่ที่นำเข้าจากเวียดนามได้ติดแสตมป์ตรวจสอบย้อนกลับจากกรมส่งเสริมการค้าสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ลิ้นจี่เวียดนาม ก่อนการส่งออกไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ ลิ้นจี่เวียดนามที่ติดแสตมป์ตรวจสอบย้อนกลับก็ได้รับการส่งออกไปยังฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ด้วยราคากว่า 5 แสนด่งต่อกิโลกรัมและขายดีเป็นอย่างมาก นาย หวูบ๊าฟู้ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้า สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ เผยว่า ท้องถิ่นที่ปลูกผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อการส่งออกจำเป็นต้องได้รับใบรับรองการปลูกตามมาตรฐาน GlobalGAP และVietGAB และรหัสของเขตปลูกสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก "เราต้องประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากขึ้น จัดสรรคข้อมูลมากขึ้นให้แก่ตลาดที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งเพื่อทำได้เรื่องนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ต้องประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆแนะนำและสนับสนุนสถานประกอบการในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าการเกษตร ซึ่งไม่เพียงแต่ในตลาดเวียดนามเท่านั้นหากยังในตลาดทั่วโลกอีกด้วย”
ตลาดส่งออกแต่ละตลาดมีลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการสนับสนุนและการรับมือแตกต่างกันของกระทรวง หน่วยงานและสถานประกอบการ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ปัจจุบัน เวียดนามมีสินค้าหลายรายการที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดแอฟริกา แต่ประสบอุปสรรคด้านการชำระทำให้สถานประกอบการเวียดนามยากที่จะส่งออกโดยตรงไปยังประเทศเหล่านี้ จึงต้องทำการส่งออกผ่านประเทศที่ 3 ในยุโรป ทวีปแอฟริกามีตลาด 55 ประเทศและมีประชากรประมาณ 1.3 พันล้านคนที่ประกอบอาชีพส่วนใหญ่ในด้านการทำเหมืองแร่และปิโตรเลียม ซึ่งถือเป็นตลาดนำเข้าสินค้าการเกษตรที่มีศักยภาพสูงสำหรับประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศเวียดนาม
ในสภาวการณ์ที่การแพร่ระบาดของโรควิด- 19 ยังคงซับซ้อนเป็นอย่างมาก กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้อนุมัติให้สำนักงานส่งเสริมการค้าทั้งภายในและต่างประเทศจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้ากับหุ้นส่วนต่างๆผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อสร้างกรอบความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเวียดนามกับผู้นำเข้าต่างประเทศในตลาดส่งออกที่สำคัญและเต็มไปด้วยศักยภาพ นี่คือมาตรการที่ดีเพื่อส่งเสริมศักยภาพและจุดแข็งของเวียดนาม สนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน แก้ไขอุปสรรคบางส่วนในการผลิตและประกอบธุรกิจ ผลักดันการขยายตัวของการส่งออกและปรับความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ผลักดันการฟื้นฟูโครงสร้างในหน่วยงานส่งออกตามแนวทางที่ยั่งยืนในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19.