(VOVworld) – ใน๖เดือนแรกของปี๒๐๑๔ มูลค่าการส่งออกของเวียดนามอยู่ที่เกือบ๗หมื่น๑พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ๑๕เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี๒๐๑๓ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การส่งออกยังคงเป็นปัจจัยที่สดใสของเศรษฐกิจของเวียดนาม อย่างไรก็ดี แม้จะมีตัวเลขที่น่าประทับใจ เวียดนามก็ยังคงต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายขยายการส่งออกอย่างยั่งยืน
 |
| สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่กว่า๒หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ(Ngươi đong hanh ) |
นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีสินค้า๑๓ประเภทที่มีมูลค่าการส่งออกกว่า๑พันล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่า ในปีนี้ จะมีสินค้า๒๒ประเภท มากกว่าปี๒๐๑๓ ๑ประเภท และนับเป็นครั้งแรกที่เวียดนามมีสินค้า๒ประเภทคือโทรศัพท์และสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่กว่า๒หมื่นล้านเหรียญสหรัฐและมีท้องถิ่นอีก๑แห่งคือจังหวัดท้ายเงวียนที่มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่กว่า๑พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีจังหวัดและนคร๒๐แห่งที่มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่กว่า๑พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้
มองโดยภาพรวม ใน๖เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรอยู่ที่เกือบ๑หมื่น๕พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ๑๓เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี๒๐๑๓ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมาจนถึงปัจจุบัน การส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรบางประเภทของเวียดนามไปยังจีนประสบอุปสรรค ดังนั้น การขยายตลาดเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งก็เป็นแนวทางของสถานประกอบการส่งออกเวียดนามจำนวนมากในอนาคตข้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาตลาดแห่งเดียว นายฝ่ามก๊วกท้าย ตัวแทนบริษัทผัก ผลไม้และผลิตภัณฑ์เกษตรกล่าวว่า“ในอนาคตข้างหน้านี้ การส่งออกยังคงจะประสบอุปสรรค แนวทางของพวกเราคือสร้างความหลากหลายของตลาดและผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น สับปะรด ลิ้นจี่แช่เย็นที่ส่งออกไปยังสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐ และอีกบางประเทศ”
อีกปัญหาหนึ่งสำหรับการส่งออกของเวียดนามคือสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และลดการพึ่งพาตลาดแห่งเดียวในด้านวัถุดิบเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเมื่อตลาดมีความผันผวน สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ใน๖เดือนแรกของปีนี้มูลค่าการส่งออกอยู่ที่กว่า๑หมื่นล้านเหรียญสหรัฐแต่ยังมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไขเพราะวัตถุดิบต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งจากจีนที่คิดเป็นเกือบร้อยละ๔๐ นายเจิ่นวันคางผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วนตัดเย็บดงบิ่งจังหวัดบั๊กนิงกล่าวว่า ปัญหาสำคัญในปัจจุบันคือ การลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างชาติผ่านการผลักดันการใช้วัตถุดิบภายในประเทศและสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์“จากการเป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่รับว่าจ้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันพวกเราได้เปลี่ยนมารูปแบบเอฟโอบี(เป็นฝ่ายรุกในด้านวัตถุดิบ)และผลักดันการใช้วัถุดิบภายในประเทศ ในกระบวนการปฏิบัติ พวกเราใช้วัถุดิบภายในประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของใบสั่งเอฟโอบีหรือผลักดันการซื้อวัตถุดิบจากไทย และสิงคโปร์ เป็นต้น เพื่อลดการพึ่งพาตลาดแห่งเดียว”
นอกจากนั้น สถานประกอบการต่างๆกำลังลงทุนพัฒนาเขตผลิตวัตถุดิบภายในประเทศ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ส่งออกของเวียดนามมีมูลค่ามากขึ้นและสามารถเจาะตลาดหลายแห่ง การที่หน่วยงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปดึงดูดโครงการต่างๆที่ลงทุนในด้านเทคโนโลยีสิ่งทอ ย้อมสีและเสร็จสิ้นการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตประกอบถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องเพื่อขยายการส่งออกสินค้าหลักๆ
ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทะเลตะวันออกมีความผันผวนและซับซ้อนที่ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อมูลค่าการส่งออกของเวียดนาม นายหวูฮวีหว่างรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามกล่าวว่า แนวทางของรัฐบาลคือผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างสินค้า และตลาดส่งออกพร้อมทั้งมีนโยบายให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการอย่างรวดเร็วและทันการณ์“แนวทางของรัฐบาลคือ ขยายตลาดนำเข้าและส่งออกใหม่ๆเพื่อไม่ต้องพึ่งพาหุ้นส่วนเดียวพร้อมทั้งผลักดันการพัฒนาเขตวัตถุดิบในประเทศ รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในด้านระเบียบ และนโยบายให้แก่การผลิตผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มและความเป็นไปได้ในการส่งออกเพื่อให้การส่งออกมีเสถียรภาพและถาวร”
การเจรจาอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปหรืออียูและข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีจะเปิดตลาดสินค้าและ อำนวยความสะดวกเพื่อให้สินค้าที่เป็นจุดแข็งของเวียดนาม เช่น สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนังรองเท้า และผลิตภัณฑ์เกษตรสามารถเจาะตลาดที่มีศัยภาพ ลดการพึ่งพาตลาดส่งออกบางแห่งและค้ำประกันให้การส่งออกมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน./.