การผลิตข้าวตามมาตรฐานสากลเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

Ngọc Xuân
Chia sẻ
(VOVworld) - ในหลายวันที่ผ่านมา เกษตรกรในเขตที่ราบลุ่มแม่นํ้าโขงรู้สึกดีใจมากเมื่อทราบข่าวว่า โครงการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล หรือ SRP ของเครือบริษัท โหลกเจิ่ย องค์การ IFC ที่เป็นสมาชิกของธนาคารโลก สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศและฟอรั่มข้าวที่ยั่งยืนระหว่างประเทศจะได้รับการปฏิบัติต่อไป ก่อนหน้านั้น โครงการนี้ได้รับการปฏิบัติเป็นการนำร่องเป็นเวลา 2 ปี โดยได้ประสบความสำเร็จในเบื้องต้น ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน

(VOVworld) - ในหลายวันที่ผ่านมา เกษตรกรในเขตที่ราบลุ่มแม่นํ้าโขงรู้สึกดีใจมากเมื่อทราบข่าวว่า โครงการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล หรือ SRP ของเครือบริษัท โหลกเจิ่ย องค์การ IFC ที่เป็นสมาชิกของธนาคารโลก สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศและฟอรั่มข้าวที่ยั่งยืนระหว่างประเทศจะได้รับการปฏิบัติต่อไป ก่อนหน้านั้น โครงการนี้ได้รับการปฏิบัติเป็นการนำร่องเป็นเวลา 2 ปี โดยได้ประสบความสำเร็จในเบื้องต้น ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน

การผลิตข้าวตามมาตรฐานสากลเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน - ảnh 1
การเก็บเกี่ยวข้าว

ครอบครัวนาย เลหงอกลิง อาศัยในตำบลเตินอาน อำเภอเตินเหียบ จังหวัดเกียนยาง เป็นหนึ่งในครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการ SRP เป็นการนำร่องได้เผยว่า การผลิตข้าวตามโครงการนี้บนพื้นที่ 4.5 เฮกต้าได้ผลดีและมีประสิทธิภาพกว่าการปลูกข้าวตามรูปแบบเดิม โดยต้องปฏิบัติกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ไม่ต้องใช้ยากำจัดศัตรูพืชมากนักเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้มากขึ้น เมื่อก่อนนี้ การปลูกข้าวสามารถสร้างรายได้ประมาณ 5 ล้านด่งต่อเฮกต้า ส่วนปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็น 5.5 – 6 ล้านด่งต่อเฮ็กต้า
“ถึงแม้การปฏิบัติตามมาตรฐานสากลรวม 46 ข้อจะยากมาก แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร อย่างเช่น ต้องผลิตข้าวที่ปลอดสารพิษ ซึ่งเกษตรกรต้องเปลี่ยนวิธีการผลิตรูปแบบเดิมเพื่อการผลิตอย่างยั่งยืน”
ส่วนเกษตรกรที่เข้าร่วมการปฏิบัติโครงการ SRP เป็นการนำร่องได้เผยว่า ถึงแม้การผลิตข้าวอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากลรวม 46 ข้อมีเงื่อนไขต่างๆที่เข้มงวดมาก แต่ก็คํ้าประกันให้แก่การผลิตข้าวที่ปลอดสารพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปกป้องสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งเกษตรกรต้องปฏิบัติข้อใหม่ในโครงการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่เผาฟาง ต้องใช้ปุ๋ยอนินทรีควบคู่กับปุ๋ยหมัก ในระหว่างการพ่นยากำจัดแมลงและศัตรูพืช ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและพืชชนิดอื่นๆ และควบคุมโรคพืชอย่างรอบด้าน  ซึ่งในกระบวนการปฏิบัติโครงการ SRP เป็นการนำร่อง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของเครือบริษัทโหลกเจิ่ยได้ฝึกอบรมและตรวจสอบการผลิตข้าวของเกษตรกร นาย เยืองวันชิ้น หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านการเกษตรดิ่งแถ่งสังกัดเครือบริษัทโหลกเจิ่ยได้เผยว่า“หลังจากได้รับการฝึกอบรม เกษตรกรตระหนักได้ดีเกี่ยวกับผลประโยชน์ของโครงการนี้ ดังนั้น จึงได้เก็บขวดที่บรรจุยาจำกัดศัตรูพืชไปทำลายตามวิธีการที่ถูกต้อง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรักษาความปลอดภัยให้แก่เกษตรกร ผมเชื่อมั่นว่า ในเวลาข้างหน้า โครงการนี้จะได้รับการขยายผลไปทั่วประเทศและมีสถานประกอบการหลายแห่งสนับสนุนโครงการนี้เพื่อให้การผลิตข้าวดำเนินไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ”
หลังการปฏิบัติ เป็นการนำร่องในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โครงการ SRP ได้ประสบความสำเร็จในเบื้องต้น ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิต คุณภาพและประสิทธิภาพด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ โครงการ SRP ไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรและชุมชนเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะฉะนั้นสถานประกอบการจึงมีข้าวที่มีคุณภาพสูง มีแหล่งผลิตชัดเจนและสามารถแข่งขันทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างชาติได้ นาย หวิ่งเท้นัง นายกสมาพันธ์ธัญญาหารเวียดนามได้เผยว่า จากผลสำเร็จในเบื้องต้นนี้ของเครือบริษัทโหลกเจิ่ย เขาจะเรียกร้องให้สถานประกอบการอื่นๆศึกษาและปฏิบัติตาม
“ผมมีความประสงค์ว่า สถานประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์ธัญญาหารเวียดนามจะศึกษาเกี่ยวกับโครงการ SRP และประสานงานกับเครือบริษัทโหลกเจิ่ยในการปฏิบัติโครงการนี้เพื่อมุ่งสู่การผลิตข้าวเวียดนามที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าให้แก่ข้าวเวียดนาม”
ในอีก 2 ปีข้างหน้า โครงการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล หรือ SRP จะฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการปลูกข้าวที่มีคุณภาพสูง ให้ผลผลิตสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้แก่เกษตรกร 4000 คนในเขตที่ราบลุ่มแม่นํ้าโขง ซึ่งจะช่วยเกษตรกรเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตตามแนวทางที่เข้มแข็ง อีกทั้งลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบสนองมาตรฐานต่างๆ ตลอดจนมีส่วนร่วมเพิ่มผลผลิต สร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าข้าวเวียดนามและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น.

Komentar