การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอปี๒๐๑๔มีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพ

Chia sẻ
(VOVworld) –  ปี๒๐๑๔ การดึงดูดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพโดยมีการเพิ่มโครงการใหญ่ๆที่ลงทุนในด้านเทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมแปรรูป การผลิตและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เวียดนามได้สร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีที่สุดเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

(VOVworld) –  ปี๒๐๑๔ การดึงดูดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพโดยมีการเพิ่มโครงการใหญ่ๆที่ลงทุนในด้านเทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมแปรรูป การผลิตและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เวียดนามได้สร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีที่สุดเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอปี๒๐๑๔มีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพ - ảnh 1
ปี๒๐๑๔การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพ(Photo:congthuong)

ปี๒๐๑๔ เวียดนามมีโครงการใหม่และโครงการที่เพิ่มเงินทุน๑,๔๒๗โครงการซึ่งทำให้จนถึงปัจจุบันเงินทุนเอฟดีไออยู่ที่๑หมื่น๗พัน๓ร้อย๓สิบล้านเหรียญสหรัฐ จากโครงการ๓พันล้านเหรียญสหรัฐในจังหวัดท้ายเงวียนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทำให้สาธารณรัฐเกาหลีได้แซงหน้าญี่ปุ่นกลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม บรรดานักลงทุนต่างชาติได้ลงทุนใน๕๐จังหวัดและนครทั่วประเทศซึ่งจังหวัดที่มีเงินทุนเอฟดีไอมากที่สุดคือจังหวัดท้ายเงวียน นครโฮจิมินห์ จังหวัดบั๊กนิง ด่งนาย บิ่งเยือง เมื่อท่าไฮฟองและกรุงฮานอย

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในปี๒๐๑๔ เครือบริษัทข้ามชาติหลายแห่งได้ขยายและเพิ่มเงินทุนในด้านที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตซึ่งโดดเด่นที่สุดคือ๓โครงการใหญ่ของบริษัทซัมซุงที่ผลิตโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นั่นคือโครงการประยุกต์เทคโนโลยีชั้นสูงของซัมซุงในจังหวัดท้ายเงวียน โครงการอิเล็กทรอนิกส์ซัมซุงซีอีคอมเพล็กที่นครโฮจิมินห์ และโครงการซัมซุงดิสเพลย์ที่จังหวัดบั๊กนิงโดยโครงการเอฟดีไอที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงต่างๆเหล่านี้ได้มีส่วนร่วมปรับปรุงโครงสร้างสินค้าส่งออกและผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนาม เฉพาะโครงการผลิตโทรศัพท์มือถือและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรนิกส์ที่จังหวัดบั๊กนิงและท้ายเงวียน เครือบริษัทซัมซุงได้ลงทุน๖พันล้านเหรียญสหรัฐและสร้างงานให้แก่แรงงานเวียดนาม๖หมื่นคน โทรศัพท์มือถือร้อยละ๓๕ที่ซัมซุงจำหน่ายในตลาดโลกได้รับการประกอบและผลิตในเวียดนามและตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ๕๐ในอนาคตอันใกล้นี้ โครงการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงของเครือบริษัทข้ามชาติกำลังอำนวยความสะดวกให้แก่การจัดตั้งสถานประกอบการในเครือ สถานประกอบการผลิตประกอบ และสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ได้มาตรฐานสากล นายเหงวียนวันจูงรัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุนกล่าวว่า “เวียดนามมีแนวทางไม่เน้นการดึงดูดเงินทุนในด้านปริมาณหากเน้นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ปิโตรเคมีเพราะสามารถต่อยอดไปยังโครงการอื่นๆพร้อมกับการบริการซึ่งจะมีพลังจูงใจ โดยมีการจัดตั้งสถานประกอบการในเครือ เช่น โครงการใหญ่ๆที่กำลังได้รับการปฏิบัติของสาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่น ดังนั้น พวกเราต้องวิจัยเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตประกอบ นั่นคือ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมผลิตประกอบ”

ในปี๒๐๑๔ โครงการเอฟดีไอของสถานประกอบการญี่ปุ่นในเวียดนามก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีโดยมีการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ การเพิ่มขึ้นของโครงการญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมผลักดันอุตสาหกรรมผลิตประกอบและการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่สถานประกอบการท้องถิ่น นายฟานหิวทั้ง อดีตอธิบดีกรมการลงทุนต่างชาติแห่งกระทรวงวางแผนและการลงทุนกล่าวว่า“การที่เงินลงทุนของสถานประกอบการญี่ปุ่นในปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ๘๖ของยอดเงินทุนของหน่วยงานอุตสาหกรรมแปรรูปและผลิตสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ลงทุนที่เวียดนามได้วางไว้ในเบื้องต้น นั่นคือ ยกระดับคุณภาพแหล่งเงินเอฟดีไอในเวียดนาม”

ปี๒๐๑๔ก็มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในโครงสร้างเงินทุนเอฟดีไอ เครือบริษัทและนักลงทุนใหญ่ๆจากสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ได้มาเวียดนามเพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนในด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การคมนาคม ท่าเรือทะเลและสนามบิน เครือบริษัทซัมซุงของสาธารณรัฐเกาหลีกำลังลงทุนก่อสร้างคลังน้ำมันยุงก๊วต โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนงีเซินหมายเลข๒ที่จังหวัดแทงฮว้า ส่วนเครือบริษัทใหญ่ๆของญี่ปุ่น เช่น มารูเบนี มิตซูบิชิและซูมีโตโมให้ความสนใจถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหวุงอ๊างหมายเลข๒ เวินฟองหมายเลข๑และมีความประสงค์ที่จะผลักดันโครงการเหล่านี้

เงิมทุนเอฟดีไอในปี๒๐๑๔อยู่ที่๑หมื่น๗พัน๓ร้อย๓สิบล้านเหรียญสหรัฐแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีในการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของเงินทุนเอฟดีไอในเวียดนาม ผลสำเร็จในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอดังกล่าวในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวก็ยืนยันถึงนโยบายของรัฐบาลเวียดนามคือการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนได้นำประสิทธิภาพมาให้แก่เศรษฐกิจอย่างจริงจัง ./.

Tô Tuấn


Komentar