ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามสัมภาษณ์คุณมรกต เจนมธุกร อัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย
|
ท่านผู้ฟังคะ ปี 2021 ครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับไทย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากขึ้นผ่านการยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งเมื่อปี 2019 ไทยเป็นหนึ่งในสิบนักลงทุนต่างชาติชั้นนำในเวียดนามด้วยยอดเงินลงทุนมากกว่า 12.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี เมื่อปี 2020 ถึงแม้การแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและโลก แต่ทั้งสองประเทศยังคงธำรงช่องทางการสื่อสาร แลกเปลี่ยนและสนับสนุนกันและกันในการแก้ไขปัญหาทั้งในช่องทางทวิภาคีและพหุภาคี ในโอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามได้สัมภาษณ์คุณมรกต เจนมธุกร อัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยเพื่อย้อนรำลึกถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีในตลอด 45 ปี รวมทั้งประเมินผลงานที่เวียดนามได้บรรลุในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
ผู้สื่อข่าว: ขอขอบคุณท่านที่ได้สงวนเวลาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามค่ะ ขอให้ท่านอุปทูตประเมินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในตลอด 45 ปีที่ผ่านมาและจุดเด่นในความร่วมมือด้านต่างๆ?
นางสาวมรกต เจนมธุกร: ขอสวัสดีท่านผู้ฟังทุกท่านนะคะที่เป็นทั้งชาวไทยและชาวเวียดนาม 45 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยและเวียดนามเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก มาเรื่อยๆ โดยในปี 2013 เป็นปีที่ทั้งสองประเทศมีการลงนามในความร่วมมือหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่โดดเด่นมากเลยนะคะ เพราะเวียดนามเป็นประเทศแรกที่ไทยมีการลงนามความตกลงในลักษณะนี้ด้วย และหลังจากที่ลงนามในปีนั้นแล้ว อีกไม่กี่ปีต่อมา คือปี 2019 เราก็มีการยกระดับของความตกลงดังกล่าวขึ้นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง ทำให้เราเห็นว่า เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศมีความตั้งใจที่จะดำเนินความร่วมมือร่วมกัน ในช่วงที่ปีที่แล้วถึงแม้จะมีโควิดนะคะผู้นำทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสหารือทางโทรศัพท์ในเรื่องความร่วมมือด้านต่างๆ เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งสองประเทศน่าจะจัดการประชุมหารือความร่วมมือด้านการเมืองตั้งแต่ระดับปฏิบัติไปจนถึงคณะกรรมาธิการร่วมทวิภาคีระหว่างไทยกับเวียดนาม ไปจนถึงระดับการประชุมอย่างไม่เป็นทางการซึ่งเป็นระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปจนถึงการจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของคณะรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เราก็อยากจะให้มีขึ้นหลังจากโควิดจบสิ้น
ผู้สื่อข่าว: ปี 2021 ตรงกับโอกาสรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม-ไทย ทางรัฐบาลไทยมีแนวทางอย่างไรในการผลักดันความร่วมมือเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ?
นางสาวมรกต เจนมธุกร: ในการพูดถึงแผนงานของปี 2021 สำหรับความสัมพันธ์ทางการทูตก็มีอยู่หลายอย่างที่ได้เรียนให้ทราบเมื่อสักครู่ ก็คือเราคิดว่า เมื่อไหร่โควิดหายบรรเทาเบาบางสามารถจะเดินทางกันได้แล้ว กลไกที่เป็นความร่วมมือทวิภาคีทั้งหมด เช่น PCJ JCBC ก็น่าจะทยอยจัดขึ้นได้ ซึ่งหลายกิจกรรมเป็นเรื่องที่ทางฝ่ายเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ เพื่อว่าเราจะได้มีแผนปฏิบัติการที่จะทำให้ความตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างเข้มแข็งมีรายละเอียดในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
ล่าสุด ได้พบกับรองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดท้ายเงวียน ท่านก็บอกว่า หลังจากที่เราได้ให้ความร่วมมือในการนำคณะผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันศึกษาพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาร่วมกัน เราได้รับการบอกเล่าว่า ทุกคนในชุมชนเห็นร่วมกันว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นหลักการที่เหมาะสมกับผู้คนที่อยู่ในจังหวัดของเขา ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีและร่วมมือเพื่อการพัฒนาทั้งหลายนี้ เราไม่ได้มองอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่แข่ง แต่ไทยกับเวียดนามเราเป็นหุ้นส่วน เราเป็นเพื่อนกัน เรามีความคิด มีลักษณะนิสัยของคนในชาติที่มีความใกล้เคียงกัน เรามีสิ่งที่ดีงามที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันได้มากมาย
ตามความเห็นของอุปทูตไทย ปีที่แล้วเป็นปีที่ยากลำบากจริงๆ มีความท้าทายมากมายเพราะเกิดโควิดทั้งปี แต่ทางเวียดนามเองก็ยังสามารถที่จะทำให้การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี |
ผู้สื่อข่าว: ท่านประเมินอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทและผลงานในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน 2020 และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ของเวียดนาม?
นางสาวมรกต เจนมธุกร: อันนี้ก็ต้องขอชื่นชมประเทศเวียดนามมากๆ สำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปี 2020 อันนี้ก็ต้องเรียนว่า ปีที่แล้วเป็นปีที่ยากลำบากจริงๆ มีความท้าทายมากมายเพราะเกิดโควิดทั้งปี แต่ทางเวียดนามเองก็ยังสามารถที่จะทำให้การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี มีการประชุมเป็นร้อยๆ การประชุม เอกสารทั้งหลายก็คือสิ่งที่ออกมาเป็นผลลัพธ์ของการประชุมนี้ก็มีมากมาย อันนี้ก็ต้องขอชื่นชมเพราะว่าเวียดนามเองมีการจัดการประชุมในลักษณะ new normal การประชุมทั้งมีออนไลน์และonsite อันนี้ก็ต้องขอเรียนว่า เป็นสิ่งที่ถ้าไม่พร้อมก็ทำไม่ได้ แต่เวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการประชุม ความพร้อมในทุกเรื่อง เช่น การตั้งกลไกคณะทำงานเกี่ยวกับการประสานงานในกรณีที่เกิดเหตุเป็นเรื่องด่วนทางสาธารณสุข Asean Response Fund… อันนี้ก็เป็นการยกตัวอย่างสิ่งเราก็จะแสดงให้เห็นว่า Cohesive and Responsive ซึ่งเป็น theme หลักของการประชุมอาเซียนทางเวียดนามได้ทำดีมาก
ผู้สื่อข่าว: ปี 2020 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและความท้าทายต่อประเทศต่างๆ รวมถึงเวียดนามเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจยืนยันได้ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้ทำให้ทั้งสองประเทศ "ห่างกัน" หากยังคงติดต่อ แลกเปลี่ยน ประสานงานและให้การช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะ สถานประกอบการไทยได้สนับสนุนเวียดนามอย่างเข้มแข็งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด -19 ท่านประเมินอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
นางสาวมรกต เจนมธุกร: ทางเวียดนามได้จัดการเรื่องของโควิด-19 ทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งอันนี้ก็คล้ายๆกับประเทศไทย เราทั้งสองประเทศจัดการเรื่องของโควิด-19 ได้ดีจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เลยทำให้ทั้งสองประเทศคุยกันได้ง่ายยิ่งขึ้น เรามีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ วิธีการบริหารจัดการซึ่งกันและกัน ในส่วนของไทยกับเวียดนามก็ยังมีการมอบหน้ากากอนามัย รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย ในช่วงนี้อาจจะมี New normal เพิ่มขึ้น เช่น การใช้ webinar ตอนนี้ เรามีแผนที่จะเชิญผู้แทนของ MPI VCCI มาเล่าให้กับทางภาคธุรกิจของประเทศไทยฟังว่า เวียดนามมีอะไรดีบ้าง เวียดนามต้องการส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยมาซื้อสินค้าอะไรหรือมาลงทุนในกิจการอะไรบ้าง เราจะทำอะไรได้ดีด้วยกันบ้าง ขอเรียนว่า บริษัทธุรกิจใหญ่ๆ ของไทยไม่ใช่ธุรกิจที่เข้ามาแสวงหาแต่ผลกำไร แต่เขาเห็นเวียดนามเป็นเหมือนบ้านอีกแห่งหนึ่ง ดังจะเห็นได้จาก กิจกรรมที่เราเรียกว่า กิจกรรมสร้างสรรค์สังคมซึ่งภาคเอกชนไทยได้รับการยกย่องและเป็นที่รู้จักอย่างมาก ขอยกตัวอย่างกรณีของบริษัทซีพีที่มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์สังคมหลายอย่างตั้งแต่กิจกรรมบริจาคเลือด กิจกรรมสอนชาวบ้านเลี้ยงไก่ที่จังหวัดห่ายางให้ได้ทำการเกษตรเพื่อจะได้อยู่พอกินพอเพียง หรือในกรณี BigC เขาก็ริเริ่มโครงการของเขาเองคือโครงการสอนชาวบ้านปลูกผักอินทรีย์ สอนให้ครบวงจรจนกระทั่งเอามาวางขายอยู่ในห้าง BigC อันนี้ก็ยกเป็นตัวอย่าง จริงๆก็ยังมีบริษัทอีกอื่นอีกเยอะแยะไปหมด รวมทั้งเรื่องการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยและภาคเอกชนไทยเมื่อเกิดน้ำท่วมในภาคกลางเวียดนาม
ผู้สื่อข่าว:เนื่องในโอกาสปีใหม่ปี 2021 ท่านมีความปรารถนาอะไรกับผู้ฟังของรายการภาษาไทย สถานีวิทยุเวียดนาม?
นางสาวมรกต เจนมธุกร: ในโอกาสปีใหม่หรือตรุษเต๊ต อันแรกก็ขอ Chúc mừng năm mới ขอให้ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ขอให้ท่านสมคิดสมปรารถนาทุกประการ ก็อยากจะให้ท่านผู้ฟังของรายการภาคภาษาไทยของสถานีวิทยุเวียดนามประสบความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาตลอดปี ขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งในกรอบทวิภาคีและในกรอบอาเซียนเจริญรุดหน้าเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศร่วมกันสืบไปค่ะ.
ผู้สื่อข่าว:ขอบคุณมากค่ะ.