เครือข่ายสังคมออนไลน์ Zaloที่ในเวียดนามมีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า Facebook (Zalo) |
ตัวอย่างแห่งความสำเร็จของสถานประกอบการเวียดนามที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Make in Vietnam ประกอบด้วย บริษัท Viettel ที่จัดสรรเครือข่ายระบบ 5G ในต่างประเทศ ที่สามารถทำรายได้กว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัท VinGroup ผลิตรถยนต์ส่งออกไปยังสหรัฐ บริษัท FPT ที่ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลให้แก่ประเทศพัฒนา เช่น สหรัฐและญี่ปุ่นซึ่งสามารถทำรายรับได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ Zalo ที่ในเวียดนามมีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า Facebook ซึ่งความสำเร็จของสถานประกอบการเหล่านี้ได้เป็นการให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นต่ออนาคตของเทคโนโลยี Make in Vietnam
ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้มียุทธศาสตร์อย่างชัดเจนที่ถือสถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลาง ถือคุณภาพและเครื่องหมายการค้า Make in Vietnam เป็นพื้นฐานและบุคลากรที่มีทักษะความสามารถเป็นแกนหลัก ด้วยความตั้งใจกำหนดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เวียดนามได้เน้นลงทุนในด้านนี้ผ่านรูปแบบต่างๆ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ประกาศนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนาสถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดทำโครงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติมุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเปิดโอกาสให้เวียดนามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ส่งเสริมให้สถานประกอบการรายใหญ่เน้นลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสถานประกอบการขนาดย่อมและประชาชน นาย ฟานห่งเติม ตัวแทนของบริษัท FPT ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี Cloud และ FPT smart Cloud ยืนยันว่า “Cloud คือโครงสร้างดิจิทัลที่เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้น ภาครัฐจึงมีนโยบายสนับสนุนสถานประกอบการเวียดนามในด้านนี้ให้สามารถให้บริการได้อย่างสะดวกมากขึ้น นี่คือความได้เปรียบของพวกเรา”
ในเวลาที่ผ่านมา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น block-chain และระบบอัตโนมัติขั้นสูงได้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่างๆ ของเวียดนามสามารถเจาะตลาดโลก แต่การแข่งขันในด้านนี้มีสูงมาก จึงทำให้สถานประกอบการต้องยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การให้บริการ ทักษะ นวัตกรรมและการออกแบบที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตามให้ทันกระแสโลก นาย ฟานห่งเติม เผยต่อไปว่า “สถานประกอบการใหญ่ๆ ของโลกได้นำหน้าเวียดนามเป็นเวลาหลายปี สามารถครองส่วนแบ่งตลาดและมีการประชาสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้น การสร้างสรรค์พื้นฐาน Make in Vietnam ต้องการความพยายามและความต้องใจเป็นอย่างมากเพื่อสามารถเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เราตระหนักได้ดีว่า ต้องมีบุคลากรที่มีความสามารถและมียุทธศาสตร์การพัฒนาในระยะยาวเพื่อสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”
ถึงขณะนี้ หลังจากที่กระบวนการ Make in Viet Nam ได้รับการรณรงค์โดยกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์เป็นเวลา 4 ปี อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลยังคงเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยรายได้ของอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะการส่งออกของอุตสาหกรรมนี้ในปี 2022 ได้บรรลุ 1 แสน 3 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่า สถานประกอบการดิจิทัลเวียดนามส่งเสริมบทบาทการเดินหน้าในการวิจัย พัฒนานวัตกรรมและเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญต่อกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของประเทศ
นาย ฝ่ามดึ๊กลอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ |
ควบคู่กันนั้น ทางการปกครองทุกระดับก็มีนโยบายทที่ต่อเนื่องเพื่อผลักดันการผลิตผลิตภัณฑ์ Make in Viet Nam และอำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาของสถานประกอบการดิจิทัล โดยนโยบายที่กำลังได้รับการปฏิบัติ เช่น การให้สิทธิพิเศษแก่สถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลเวียดนาม สร้างกระแสความต้องการและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ฝึกอบรมและพัฒนาแหล่งบุคลากรเทคโนโลยีดิจิทัล นาย ฝ่ามดึ๊กลอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เผยว่า
“ในเวลาที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ ได้เปิดการรณรงค์สนับสนุนสถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลเจาะตลาดต่างประเทศ โดยได้เชื่อมโยงกับกลุ่มให้คำปรึกษาเพื่อสนับสนุนในด้านนโยบายและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายและผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำเสนอในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ เราก็เรียกร้องให้สถานประกอบการรายใหญ่ๆ สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในต่างประเทศสนับสนุนสถานประกอบการขยาดย่อมในการนำผลิตภัณฑ์ไปเจาะตลาดต่างประเทศ”
ยุทธศาสตร์แห่งชาติ “Make in Vietnam” ไม่เพียงแต่เป็นแรงจูงใจให้สถานประกอบการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดิจิทัลเท่านั้น หากยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัลและประเทศดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งสามารถเห็นอนาคตที่สดใสของอุตสาหกรรมดิจิทัลผ่านความตั้งใจอันแน่วแน่ของทั้งรัฐบาล กระทรวง หน่วยงาน สถานประกอบการและประชาชน โดยตระหนักได้ดีว่า เวียดนามสามารถเป็นฝ่ายรุกในสร้างสรรค์อนาคตของตนเองถ้าหากประชาชนเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด นี่คือเป้าหมายอันสูงส่งของยุทธศาสตร์“Make in Vietnam” ในการพัฒนาสถานประกอบการเทคโนโลยีเวียดนาม ผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติ นำเวียดนามหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและกลายเป็นประเทศพัฒนาภายในปี 2045.