 แอพพลิเคชั่น “โม่โม่” (congluan.vn) |
เช่นเดียวกับหลายประเทศในทั่วโลก ที่เวียดนาม เทคโนโลยีคือด้านที่ดึงดูดความสนใจของสถานประกอบการสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก ซึ่งในหลายปีมานี้ มีนวัตกรรมและโครงการสตาร์ทอัพในด้านนี้ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก สร้างเครื่องหมายการค้าให้แก่ชมรมสถานประกอบการสตาร์ทอัพเวียดนาม โดยสถานประกอบการสตาร์ทอัพเวียดนามได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการประกอบธุรกิจออนไลน์ ใช้แอพลิเคชันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหาร การดำเนินงานและการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าอย่างก้าวกระโดด ตามการประเมินของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ เวียดนามกำลังอยู่ในยุคทองแห่งประชากร ซึ่งคนรุ่นใหม่ได้ศึกษาวิจัยและประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่โลกดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลคือประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากเยาวชนเวียดนาม รองศ.ดร. เหงียนบิ่งมิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัลสังกัดมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮานอย กล่าวว่า
“เรามีศักยภาพสูงมากในด้านบุคลากรเพราะกำลังอยู่ในยุคทองแห่งประชากร คนรุ่นใหม่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ นี่คือศักยภาพที่สถานประกอบการต่างชาติมองเห็น แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพของบุคลากรในด้านนี้ของเวียดนามยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการ ดังนั้น เมื่อเร็วๆนี้ เราได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือส่งเสริมไอเดียของคนรุ่นใหม่และนักศึกษา โดยจะมีการเชื่อมโยงระหว่างสาขาวิชาชีพต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและเศรษฐศาสตร์เพื่อสนับสนุนกันในการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรให้แก่สถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัล”
ตารางการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกหรือ GII ปี 2022 ที่จัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือ WIPO เวียดนามอยู่อันดับ 48 ในจำนวน 132 ประเทศและเศรษฐกิจทั่วโลกและติดอันดับที่ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตามผลการประเมินของ Startup Blink ระบบนิเวศสตาร์ทอัพนวัตกรรมในปี 2022 ของเวียดนามอยู่อันดับที่ 54 ของโลกและอันดับที่ 12 ในย่านเอเชีย – แปซิฟิก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและแรงกระตุ้นของเวียดนามในสภาวการณ์ที่ยังประสบอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ
 VNLIFE เป็นหนึ่งใน "ยูนิคอร์น" ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (DealStreetAsia) |
ที่เวียดนามมีการปรากฎตัวของ "ยูนิคอร์น" ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปต่างๆ เช่น MoMo, Sky Mavis, VNG และ VNLIFE ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เวียดนามมีเงื่อนไขเพียงพอสำหรับการเป็น "ฟาร์ม" ของสตาร์ทอัพ "ยูนิคอร์น" ในอนาคต ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศอี – คอมเมิร์ซ Fintech โลจิตสติกส์ Blockchainและเกมส์ ซึ่งเป็นด้านที่มีศัยภาพสูงที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วในอีก 2-3 ปีข้างหน้าและกลายเป็นยูนิคอร์นรุ่นต่อไปของเวียดนาม นาย เหงียนวันหยุง หัวหน้า Community Village หรือ Comvil กล่าวว่า
“สตาร์ทอัพหลายคนสามารถพัฒนาแอพลิเคชั่นเทคโนโลยีและกระแสเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่เป็นแค่แนวคิดหรือ demo เท่านั้น โดยโครงการหลายโครงการมีลูกค้าจำนวนหนึ่งและสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติ สตาร์ทอัพหลายคนสามารถตามติดกระแสความนิยมของโลกได้และมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ผมเคยสนับสนุนโครงการผลิตมือเทียมที่สั่งการด้วยสมอง ซึ่งในทั่วโลก มีบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถผลิตได้ และเทคโนโลยีผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากโดยมีแค่กลุ่มบริษัทรายใหญ่ที่มีเงินทุนนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่สามารถผลิตได้”
ปัจจุบันนี้ กระแสการทำธุรกิจสตาร์ทอัพเทคโนโลยีดิจิทัลในเวียดนามกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ถึงแม้จะเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและนวัตกรรมเพื่อจัดทำโครงการและสร้างผลิตภัณฑ์ของตนได้ ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า การสนับสนุนและรูปแบบต่างๆที่สนับสนุนให้แก่การทำธุรกิจสตาร์ทอัพในเวียดนามได้มีประสิทธิภาพอย่างจริงจัง นาย เหงียนวันหยุง เผยต่อไปว่า
“เรามีกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี มีความหลงไหลและกล้าคิดกล้าทำในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ เราร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้กำลังใจและกำหนดแนวทางการทำธุรกิจสตาร์ทอัพให้แก่นักศึกษา พร้อมทั้งเปิดการฝึกอบรมเพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถวางแนวทางในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังประสานกับสถานประกอบการให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกงาน ได้เรียนรู้ประสบการณ์และหาโอกาสในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพด้านจิดิทัล”
ปัจจุบันนี้ รัฐบาลเวียดนามให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงการฝึกอบรบความรู้ขั้นพื้นฐานแก่เยาวชนในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพและพัฒนาสถานประกอบการ โดยเฉพาะในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเดินพร้อมกับสตาร์ทอัพในการจำหน่ายสินค้า ซึ่งความได้เปรียบนี้จะมีส่วนช่วยให้สตาร์ทอัพรุ่นใหม่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในเวลาที่จะถึง.