เดือนธันวาคมและความทรงจำเกี่ยวกับ “ฮานอย – เดียนเบียนฟูกลางเวหา”

Le Phuong - Thanh Hung - VOV
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เดือนธันวาคมปี 1972 ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถลืมได้สำหรับพยานแห่งประวัติศาสตร์ “ ฮานอย 12 วันคืน” หรือชัยชนะ “เดียนเบียนฟูกลางเวหา” ของกองทัพและประชาชนในกรุงฮานอย นครไฮฟอง เมืองท๊ายเงวียนและท้องถิ่นใกล้เคียง ขอเชิญท่านย้อนอดีตกลับไปสู่วันที่เครื่องบิน บี 52 ของสหรัฐโจมตีทิ้งระเบิดใส่ภาคเหนือเวียดนามอย่างดุเดือด
เดือนธันวาคมและความทรงจำเกี่ยวกับ “ฮานอย – เดียนเบียนฟูกลางเวหา” - ảnh 1โรงพยาบาลแบกมาย (Photo internet)  

ในตลอด 12 วันคืนระหว่างวันที่ 18 – 30 ธันวาคมปี 1972 สหรัฐได้เปิดยุทธนาการ “ Linebacker II” ที่ใช้กองทัพอากาศโดยเครื่องบิน บี 52 เป็นแกนหลักพร้อมกับเครื่องบินรบชนิดต่างๆ นับร้อยลำโขมตีทิ้งระเบิดใส่กรุงฮานอย นครไฮฟอง เมืองท้ายเงวียนและสถานที่ต่างๆในภาคเหนือเวียดนาม

เมื่อได้ยินเสียงลำโพงเตือนภัย ผู้สูงอายุและเด็กๆต้องรีบเข้าอุโมงหลบภัย ส่วนเยาวชน กรรมกรพนักงานและทหารบ้านก็ร่วมกับทหารยิงตอบโต้เครื่องบินของฝ่ายศัตรู คุณเหงียนวันเห่า หัวหน้าทหารบ้านเลขที่ 60 หมู่บ้านเฟืองเหลียด ซึ่งปัจจุบันคือแขวงเฟืองเหลียด เขตแทงซวน กรุงฮานอยเล่าว่า            “ใครผลิตก็ผลิต ใครทำอะไรก็ทำ แต่เมื่อได้ยินเสียงลำโพงเตือนภัยก็ต้องรีบหยิบปืนแล้ววิ่งไปที่จุดประจำการเพื่อร่วมกับทหารพร้อมต่อสู้กับเครื่องบินของสหรัฐ”

หมู่บ้านเฟืองเหลียดอยู่ใกล้สนามบินแบกมายและโรงพยาบาลแบกมาย ซึ่งเป็นสถานที่สองแห่งที่ถูกเครื่องบิน บี 52 ของสหรัฐทิ้งระเบิดถล่ม แม้กระทั่งศาลาหมู่บ้าน โรงเรียนและที่อยู่อาศัยของประชาชนถูกทิ้งระเบิดใส่แต่ก็ไม่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว คุณเหงียนวันเห่าเผยต่อไปว่า            “หากเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่สนามบินแบกมาย ที่หมู่บ้านเฟืองเหลียดก็โดนด้วย แต่ทุกคนบอกว่า จะไม่ไปไหนและจะอยู่เพื่อปกป้องหมู่บ้าน และพวกเรายังไปช่วยประชาชนที่ประสบความเสียหายมีบ้านเรือนโดนระเบิดที่ถนนเคิมเทียนและสนามบินแบกมาย”

การถล่มทิ้งระเบิดของสหรัฐเพื่อ “นำภาคเหนือเวียดนามกลับสู่ยุคหิน” ได้ทำลายเขตชุมชนต่างๆ เช่น เคิมเทียน อานเยือง เอียนเวียน ยาเลิม ดงแอง วันเดี๋ยน ย้าปบ๊าด โรงพยาบาลแบกมายและสถานีส่งสัญญาณกระจายเสียงเหมะจี่ เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,300 คนและได้รับบาดเจ็บ 1,300 คน คุณเจิ่นหงอกเลิม อดีตหัวหน้าหน่วยทหารบ้านฝ่ายปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานของตำบลเหมะจี่ กรุงฮานอยเล่าว่า            “เราเคยยิงเครื่องบิน F4 ของสหรัฐตก 1 ลำ ถึงเดือนธันวาคมปี 1972 เครื่องบินสหรัฐได้ทิ้งระเบิด 4 ครั้ง โดยพื้นที่ของเรามีประมาณ 100 ตารางเมตรถูกทิ้งระเบิดใส่ 6 ลูก เรามีทั้งหมด 11 คนโดย 6 คนได้สละชีพเพื่อชาติ”

ใน 12 วันคืนที่ดุเดือดนั้น ทหารและประชาชนนครไฮฟองและท้ายเงวียนก็เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนและทหารกรุงฮานอยเพื่อต่อสู้กับการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐ

45 ปีได้ผ่านพ้นไปแต่ช่วงเวลาการต่อสู้ที่ดุเดือดและกล้าหาญยังคงอยู่ในความทรงจำของประชาชนเวียดนามหลายคน คุณยายเจิ่นแทงเถอะ อายุ 88 ปี ซึ่งในช่วงนั้นเป็นนายกสมาคมสตรีนครไฮฟองเล่าว่า            “เครื่องบินของสหรัฐอเมริกาโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดคืน โดยเราต้องติดกระดาษบนประตูกระจกเพื่อไม่ให้กระจกแตก แม้เครื่องบินของสหรัฐจะโจมตีใส่จุดที่อยู่ไกลแต่แรงสั่นสะเทือนสามารถทำให้กระจกแตกได้ กรรมกรส่วนใหญ่ในโรงงานต่างๆได้อพยพไปแล้วแต่ยังคงมีบางส่วนที่อยู่ทำงานต่อ ในขณะนั้น เมื่อได้ยินเสียงลำโพงเตือน พวกเราจะเข้าไปหลบภัยในอุโมง เสร็จแล้วก็กลับมาทำงานเหมือนปกติ ที่ไหนก็เหมือนกัน”

ที่นครไฮฟอง แม่น้ำสายต่างๆ เช่น แบกดั่ง แหลกไชและเกื๋อเกิ๊ม เรือแต่ละลำ ไม่ว่าจะเป็นเรือขนส่งหรือเรือประมงต่างก็กลายเป็นเรือรบ และบริเวณปากแม่น้ำเกิ๊มกลายเป็นจุดปะทะที่ดุเดือด

หลัง 12 วันคืน การโจมตีทางอากาศเชิงยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ด้วยเครื่องบิน บี 52 ใส่กรุงฮานอยของกองทัพอากาศสหรัฐได้ประสบความล้มเหลวและนับเป็นครั้งแรกที่ “ป้อมบินซุปเปอร์” บี 52 ของสหรัฐประสบความล้มเหลวและกองทัพอากาศสหรัฐต้องประสบความเสียหายอย่างหนักที่สุด โดยในจำนวนเครื่องบิน 81 ลำที่ถูกทหารและประชาชนในท้องถิ่นยิงตกนั้น มีเครื่องบิน บี 52 ถึง 34 ลำ

การต่อสู้ที่กล้าหาญของทหารและประชาชนเวียดนามได้สร้างชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ “ฮานอย – เดียนเบียนฟูกลางเวหา” ที่โด่งดังในทั่วโลก สะท้อนสติปัญญาและความมุ่งมั่นของประชาชนเวียดนาม.

Komentar