หวอเจิ่นบ๋าวเจิน-ผู้ที่ได้รับรางวัลที่๑ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่๕

Minh Ngoc- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่๕รอบชิงชนะเลิศที่จัดโดยสถานทูตไทยประจำกรุงฮานอยและมหาวิทยาลัยฮานอย น.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจิน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ได้รับรางวัลที่๑ เนื่องจากเสียงพูดที่นุ่มนวล ความมีเสน่ห์บวกกับความสามารถด้านภาษาไทยที่ดีได้สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการตัดสินสำหรับ น.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจินการเข้าร่วมการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักภาษาไทยของเธอ

หวอเจิ่นบ๋าวเจิน-ผู้ที่ได้รับรางวัลที่๑ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่๕ - ảnh 1น.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจิน 

 เรียนคณะกรรมการและผู้มีเกียรติทุกท่าน หนูนางสาวนารุตา เป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัย สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติในนครโฮจิมินห์ค่ะ เริ่มต้นจากความรักความหลงใหลในภาษาและวัฒนธรรมไทย ดิฉันจึงตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยค่ะ เป็นบุญวาสนาที่หนูได้ไปเยี่ยมเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้แก่จังหวัดนครพนมและอุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์เคยพำนักอาศัยในช่วงสงคราม ทำให้เห็นว่า ประชาชนทั้งสองประเทศมีความโชคดีเหมือนกันตรงที่คนไทยมีพ่อแห่งแผ่นดินคือในหลวงรัชกาลที่ 9ที่ทรงทุ่มเทช่วยเหลือและพัฒนาประเทศชาติและคนเวียดนามก็มีลุงโฮที่พยายามหาทางและดั้นด้นหาลู่ทางเพื่อกอบกู้เอกราชให้แก่บ้านเมือง......

  “ตั้งแต่ตอนแรก ผมเห็นว่า น้องเจินมีทักษะความสามารถในการพูดภาษาไทยดีกว่านักศึกษาคนอื่น   จุดแข็งของน้องเจินคือมีความคล่องตัวในการใช้ภาษา ซึ่งได้รับการแสดงให้เห็นผ่านการที่น้องเจินพยายามพูดภาษาไทยทุกที่ทุกเวลา ซึ่งผลการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยที่ผ่านมาได้ประเมินอย่างถูกต้องเกี่ยวกับทักษะความสามารถของน้องเจิน”

  “เจินเป็นเพื่อนที่ใจดีและเป็นมิตร เจินเรียนเก่งและพยายามตอบทุกคำถามของคุณครู เจินมีทักษะความสามารถในการใช้ภาษาไทย เมื่อเรียนตามกลุ่ม พวกหนูพูดคุยด้วยภาษาไทย เจินมีข้อคิดริเริ่มใหม่ๆและมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย”

  หวอถิบ๋าวเจิน อายุ๒๑ปีกำลังศึกษาชั้นปีที่4ที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ การได้รับรางวัลที่๑ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยเป็นผลจากความพยายามเรียนภาษาไทยในตลอด๔ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเรียนภาษาไทย ถึงแม้การเรียนภาษาอื่นจะมีโอกาสที่ดีกว่าก็ตาม “ตอนที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย หนูได้ถามคุณแม่ว่า หนูควรเลือกภาษาไหนดี  คุณแม่ก็ให้คำปรึกษาว่า ควรเลือกเรียนภาษาจีนเพราะตอนนั้น มีคนเรียนภาษาจีนเยอะและโอกาสได้งานทำค่อนข้างสูงด้วย แต่หลังจากที่อาจารย์แนะนำเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีไทย หนูรู้สึกประทับใจและตัดสินใจเรียนภาษาไทย แต่ในตลอดที่หนูเรียนภาษาไทยที่มหาวิทยาลัย คุณแม่ยังมีความวิตกกังวลว่า เมื่อหนูเรียนจบแล้ว จะหางานทำไม่ได้ แต่ด้วยประสบการณ์ในการทำงานและผลการเรียนของหนู หนูได้ทำให้คุณแม่สบายใจ”

  ใน4ปีที่เรียนภาษาไทยดูเหมือนว่า ภาษาไทยมีความดึงดูดใจเป็นพิเศษ ทำให้บ๋าวเจินยิ่งเรียนยิ่งชอบ  บ๋าวเจินไม่เพียงแต่เรียนภาษาไทยผ่านหนังสือเท่านั้นหากยังหาวิธีการเรียนที่มีประสิทธิภาพให้แก่ตนเองอีกด้วย “นอกจากเรียนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยแล้ว หนูยังชอบดูรายการและละครไทยบน Youtube เป็นประจำเพราะการดูละครไม่เพียงแต่ช่วยหนูรีแล็คแล้วหากยังช่วยหนูศึกษาคำศัพย์ใหม่ๆอีกด้วย หนูไม่ค่อยอ่านหนังสือเพื่อเรียนคำศัพท์ใหม่ๆแต่หนูเรียนจากละครนี้ค่ะ ทุกครั้งเมื่อหนูดูละคร หนูจะรู้แน่ชัดว่า คำๆนั้นจะออกเสียงยังไงและใช้ในสถานการณ์แบบใหน เมื่อได้ยินคำศัพท์ใหม่แต่หนูไม่รู้ความหมาย หนูจะค้นหาในพจนานุกรมเพื่อรู้ว่า คำๆนั้นมีความหมายยังไง ซึ่งทำให้หนูจำคำนั้นนานๆ”

หวอเจิ่นบ๋าวเจิน-ผู้ที่ได้รับรางวัลที่๑ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่๕ - ảnh 2 น.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจินและคณะกรรมการตัดสิน

  ความหลงไหลในภาษาไทยและผลการเรียนที่ดีได้ช่วยให้บ๋าวเจินกลายเป็นหนึ่งในนักศึกษาดีเด่นที่เข้าร่วมโครงการทูตมิตรภาพที่จัดโดยสถานกงสุลใหญ่ไทยในนครโฮจิมินห์และโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเป็นเวลา๑เดือนในประเทศไทย  แม้การเยือนไทยมีขึ้นในระยะสั้นแต่ได้ช่วยให้บ๋าวเจินศึกษาเกี่ยวกับภาษา วัฒนธรรมและคนไทย ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวช่วยให้บ๋าวเจินสามารถทำบทสุนทรพจน์ที่ดึงดูดใจแม้จะมีเวลาเพียง๒สัปดาห์เพื่อเตรียมแต่บทสุนทรพจน์ที่มีหัวข้อที่เป็นเอกลักษณ์ของบ๋าวเจินได้สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการตัดสิน “หนูคิดว่า เวียดนามได้ร่วมมือกับไทยในหลายด้านและแน่นอนว่า ผู้เข้าร่วมการประกวดคนอื่นจะกล่าวถึงด้านนั้น ดังนั้น หนูก็เลือกหัวข้อพิเศษและมีความใกล้ชิดกับหนู  ซึ่งข้อมูลในบทสุนทรพจน์มาจากความรู้สึกของหนูเมื่อมีโอกาสไปเยือนประเทศไทย2ครั้งตามโครงการเอกอัครราชทูตมิตรภาพและโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา”

  สำหรับบ๋าวเจิน การประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่๕ได้ช่วยให้เธอมีความมั่นใจในตัวเองและยกระดับความสามารถในการพูดภาษาไทย ซึ่งเป็นพลังผลักดันให้แก่นักศึกษาคนนี้ทำตามความฝันคือการเป็นล่ามเพราะอาชีพนี้เป็นสะพานเชื่อมด้านภาษาเพื่อช่วยให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความเข้าใจกันมากขึ้นและมีส่วนร่วมต่อการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

“ในตลอด4ปีที่เรียนภาษาไทยและศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย หนูได้เข้าใจคนไทยมากขึ้นแต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั่นคือความรู้สึกว่า คนไทยใจดี ตั้งแต่วันแรกที่หนูยังพูดภาษไทยได้ไม่คล่อง มีเพื่อนคนไทยอยู่เคียงข้างและช่วยแก้ไขให้ตอนที่หนูพูดภาษาไทยได้ไม่ชัด จนถึงทุกวันนี้ ตอนที่หนูท้อแท้ ผิดหวังหรือทุกครั้งที่ได้รับทุนการศึกษาและรางวัลต่างๆ ก็มีเพื่อนคนไทยอยู่เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยเสมอ หนูสัมผัสถึงความเป็นมิตรรวมทั้งน้ำใจที่ชาวไทยมีต่อชาวเวียดนาม และหนูคิดว่าความสัมพันธ์ดี ๆ สามารถเริ่มต้นจากความรู้สึกดี ๆ และมิตรภาพที่ประชาชนทั้งสองประเทศมีต่อกัน”.

Komentar