สถานประกอบการเวียดนามพร้อมให้แก่แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ

Minh Lý
Chia sẻ
(VOVWORLD) - แนวโน้มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและผลสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ในการผลิตและประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ รวมถึงเวียดนามนับวันเพิ่มมากขึ้น โดยในรอบ 3 ปีมานี้ จำนวนสถานประกอบการสตาร์ทอัพของเวียดนามได้เพิ่มขึ้น 60 เท่า จาก 50 แห่งในปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น กว่า 3 พันแห่งในปี 2017  ซึ่งมีสถานประกอบการบางแห่งได้เริ่มประยุกต์ใช้ผลสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เมื่อกว่า 10 ปีก่อนและประสบความสำเร็จด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซอฟแวร์และเทคโนโลยีดิจิตอล
 สถานประกอบการเวียดนามพร้อมให้แก่แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ - ảnh 1 บูธของบริษัท AIE ในงานนิทรรศกาลเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ณ กรุงฮานอยเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

“เมื่อปี 1980 เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องปริ้นเตอร์เลเซอร์มีน้อยมาก เครื่องปริ้นเตอร์เลเซอร์2มิติมีราคาสูงถึง 4 พันดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นคนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้และต้องไปยังศูนย์บริการตีพิมพ์ในเขตใจกลางของนครใหญ่ๆ จากการเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ผมได้ซื้อเครื่องปริ้นเตอร์ 3 มิติและให้บริการด้านเทคโนโลยี 3 มิติในเวียดนาม ผมเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี 3 มิติตั้งแต่ปี 1995 ต่อมาจนถึงปี 2005 ได้จัดตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 3 มิติ”

บริษัทอุปกรณ์อุตสาหกรรมและการศึกษาเตินเตี๊ยนจำกัด หรือ AIE ที่นาย หว่างดึ๊กบั่ง เป็นผู้ริเริ่มและบริหาร มีแรงงานตํ่ากว่า 50 คนและมีเงินลงทุนจดทะเบียน 5 พันล้านด่ง หรือ ประมาณ กว่า 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่ได้ลงทุนตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อเครื่องยิงเลเซอร์ 3 มิติ และเครื่องสแกน 3มิติที่ผลิตในประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี เช่น เยอรมนี สหรัฐและอิสราเอล แต่อย่างไรก็ตาม บริษัท AIE และสถานประกอบการสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ของเวียดนามกำลังต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายเพื่อสามารถคงอยู่และพัฒนาต่อไปเนื่องจากเป็นสถานประกอบการขนาดย่อม นาย หว่างดึ๊กบั่ง ได้กล่าวว่า“ในช่วงแรกที่ผมแนะนำเทคโนโลยี 3มิติในเวียดนาม ก็ได้รับการชื่นชมจากลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถโน้มน้าวให้พวกเขาซื้ออุปกรณ์ไว้ใช้ได้เพราะพวกเขาไม่ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มการพัฒนาของเทคโนโลยี หรือ ฐานการผลิตของเวียดนามในขณะนั้นยังไม่พัฒนาตามทันการพัฒนาเทคโนโลยีโลก ซึ่งทำให้บริษัทต้องประสบกับความยากลำบากมากเพราะต้องกู้เงินธนาคารเพื่อซื้ออุปกรณ์และฝึกอบรมให้แก่พนักงาน”

ปัญหาดังกล่าวของบริษัท AIE เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ในหลายปีมานี้ เวียดนามกำลังเน้นลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการพัฒนา  ปัจจุบัน เวียดนามได้เสร็จสิ้นโครงการติดตั้งระบบเครือข่าย 4 G ในขั้นพื้นฐาน มีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตกว่า 52 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 54 ของประชากรและมีประชากรร้อยละ 55 ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้เวียดนามเรียนรู้เกี่ยวกับผลสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและสนับสนุนสถานประกอบการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกเหนือจากสถานประกอบการขนาดย่อม อย่าง บริษัท AIE  สถานประกอบการใหญ่ๆที่มีจุดแข็งด้านการเงินและมีแหล่งพลังต่างๆอย่างสมบูรณ์ เช่น บริษัทหุ้นส่วน FPT ที่มีแรงงานกว่า 3 หมื่นคนและเป็นบริษัทให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อโอกาสการพัฒนาดังกล่าว นาย ฝ่ามมิงต๊วน ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทระบบการสื่อสาร FPT จำกัดได้เผยว่า FPT กำลังเน้นพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น รัฐบาลดิจิตอล ระบบจราจรอัจฉริยะ  เมืองอัจฉริยะและระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ

“ทางบริษัทฯกำลังพัฒนาแอพพลิเคชั่นเมืองอัจฉริยะในกรุงฮานอย รัฐบาลดิจิตอลและระบบจราจรอัจฉริยะในจังหวัดกว๋างนิง จังหวัดบิ่งเยืองและนครโฮจิมินห์ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศคือปัจจัยส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันก็ต้องมีกลไกนโยบายต่างๆและการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชน ดังนั้น FPT ไม่เพียงแต่พัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมในการฝึกอบรม ให้การศึกษาและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าว”

 สถานประกอบการเวียดนามพร้อมให้แก่แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ - ảnh 2นายกรัฐมนตรีเข้าชมบูธของบริษัทต่างๆ ในงานนิทรรศการเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ณ กรุงฮานอยเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงวางแผนและการลงทุน จนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีสถานประกอบการสตาร์ทอัพ 2 หมื่น 5 พันแห่งจากจำนวนสถานประกอบการทั้งหมดกว่า 6 แสนแห่ง โดยส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจด้านการเกษตร การศึกษา สาธารณสุขและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมีสถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆได้ขยายการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามแนวโน้มการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0  เช่น เครือบริษัทโทรคมนาคมกองทัพเวียดนามหรือเวียดเทลที่ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในบริษัท 5 แห่งที่มีเครื่องหมายการค้าด้านโทรคมนาคมที่ดีที่สุดในอาเซียนและติดหนึ่งในบริษัทที่มีเครื่องหมายการค้าด้านโทรคมนาคมระดับโลก 100 แห่ง นาย หว่างหวูแหง หัวหน้าแผนกฝ่ายการตลาดและมาตรการพัฒนาสถานประกอบการเวียดเทลได้เผยว่า“ตั้งแต่ปี 2007 เวียดเทลได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น แอพพลิเคชั่น Bank plus เวียดเทลกำลังผลักดันการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสัญญาจัดสรรค์แอพพลิเคชั่นเมืองอัจฉริยะให้แก่ 17 จังหวัดและนครทั่วประเทศ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นด้านที่เวียดเทลให้ความสนใจพัฒนา”

การปรับตัวของสถานประกอบการให้สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาใหม่คือปัจจัยที่สำคัญซึ่งส่วนช่วยให้รัฐบาลวางแนวทางชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลและเทคโนโลยีสารสนเทศในเวลาข้างหน้า จากการกำหนดกรอบกฎหมาย กลไล นโยบายสนับสนุนด้านการเงินและโครงการช่วยเหลือสถานประกอบการสตาร์ทอัพของรัฐบาลเวียดนาม สามารถยืนยันได้ว่า เป้าหมายมีสถานประกอบการสตาร์ทอัพอีก 2 พันแห่งภายใน 2 ปีข้างหน้าคือเป้าหมายที่สามารถปฏิบัติได้.

Komentar