พบกับผู้ที่มีความทรงจำแห่งอมตะ

Phong Lan - VOV5
Chia sẻ

( VOVworld ) - ถือเป็นประเพณีไปแล้ว เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปีทหารชาญศึกที่เคยเข้าร่วมสงครามต่อต้านศัตรูผู้รุกรานแห่งประวัติศาสตร์ทั้งสองครั้งของประเทศจากเหนือจรดใต้ได้พบปะกัน  แม้ผมดอกเลา มือสั่นและสายตาก็เสื่อมลงตามกาลเวลาแล้วก็ตาม แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของพวกเขาอย่างมิเสื่อมคลาย


( VOVworld ) - ถือเป็นประเพณีไปแล้ว เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปีทหารชาญศึกที่เคยเข้าร่วมสงครามต่อต้านศัตรูผู้รุกรานแห่งประวัติศาสตร์ทั้งสองครั้งของประเทศจากเหนือจรดใต้ได้พบปะกัน  แม้ผมดอกเลา มือสั่นและสายตาก็เสื่อมลงตามกาลเวลาแล้วก็ตาม แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของพวกเขาอย่างมิเสื่อมคลาย
พบกับผู้ที่มีความทรงจำแห่งอมตะ - ảnh 1
การประกาศเรียกร้องประชาชนทุกคนลุกฮือต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส ( อินเตอร์เน็ต )

ปีนี้พันเอกเหงวียนจ๋องห่าม อดีตรองเสนาธิการใหญ่กองทัพภาพนครหลวงย่างเข้าวัย ๙๐ ผมดอกเลา การเดินเหินไม่ค่อยสะดวกและการฟังก็ไม่สะดวกเหมือนวัยหนุ่มแต่ท่านได้เข้าร่วมการพบปะทุกครั้งไม่เว้นแม้แต่ครั้งเดียว  พันเอกเหงวียนจ๋องห่ามเข้าร่วมการเคลื่อนไหวปฏิวัติตั้งแต่ปี ๑๙๔๔ ด้วยหน้าที่ประชาสัมพันธ์และปล่อยใบปลิว ท่านได้ฆ่านายทหารระดับสูงคนหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่นใจกลางเมืองหลวง ซึ่งได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ทหารญี่ปุ่น  จากประสบการณ์ดังกล่าว เมื่อประชาชนเวียดนามทำการลุกฮือทั่วประเทศท่านได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าหมวดที่ ๒ ของกรมทหารนครหลวง  เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ในช่วงฤดูหนาวปีนั้น พันเอกเหงวียนจ๋องห่ามคุยกับพวกเราว่า นับเป็นช่วงเวลาชี้ขาดชะตากรรมของประเทศแต่ก็ถือว่าเป็นฤดูหนาวที่อากาศเป็นใจ ประชาชนเวียดนามกับทหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อูสู้ขับไล่ศัตรูด้วยอาวุธธรรมดาไม่ว่าจะเป็นระเบิด ปืนกลมือและระเบิดขวดในขณะที่ศัตรูมีทั้งปืนใหญ่ รถถังและเครื่องบินที่ทันสมัย  พันเอกเหงวียนจ๋องห่ามบอกว่า ระยะเวลาในอดีตแห่งน้ำใจกับเพื่อนร่วมรบและการต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตายเพื่อปกป้องเมืองหลวงในอดีตได้กลายเป็นชีวิตและความภาคภูมิใจที่ท่านถนอมตลอดชีวิตของตน  สายตาของท่านสะท้อนอุดมการณ์และความปรารถนาอันแรงกล้าเมื่อเล่าเรื่องการทำสงครามเป็นเวลา ๖๐ วันเพื่อปกป้องนครหลวงเมื่อปี ๑๙๔๖  “ พวกเราทำการเคลื่อนไหวปฏิวัติ จนนำไปสู่การปฏิวัติเดือนสิงหาคมประสบชัยชนะ สมัยนั้นพวกเราเป็นเยาวชนมองเห็นลู่ทางที่แจ่มใสอีกทั้งได้ยินข่าวลุงโฮกำลังอยู่ในที่มั่นเวียดบั๊กจึงรู้สึกปลื้มปิติเป็นล้นพ้น พวกเรายิงปืนไม่เป็นแม่แต่คนเดียว แต่เรียนประมาณไม่กี่นาทีก็สามารถทำได้

สำหรับทหารผ่านศึกสมัยสงครามต่อต้านอเมริกาเพื่อกู้ชาตินั้นการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ปลดปล่อยนครดานังภาคกลางของประเทศเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๑๙๗๕ ยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไป    นายฝ่ามเกี่ยวดาสมาชิกของหน่วยคอมมานโดที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ปลดปล่อยนครดานังได้รับเกียรติถือธงปลดปล่อยเข้าไปปักเหนือศาลาว่าการนครดานังซึ่งเป็นฐานบัญชาการของศัตรู ณ นครดานัง   การปรากฎตัวของธงปลดปล่อยบนดาดฟ้าศาลาว่าการนครดานังในวินาทีแห่งประวัติศาสตร์นั้นได้ปิดฉากอดีตที่ปวดร้าวแต่กล้าหาญของทหารและชาวนครดานังอันเป็นการเปิดหน้าใหม่แห่งประวัติศาสตร์ของนคร  ปี ๑๙๗๔ นายฝ่ามเกี่ยวดาได้วางแผนและบัญชาการวางระเบิดสนาบินดานังจนสามารถทำลายระเบิดของศัตรูกว่า  ๒ หมื่นตัน ทำให้เครื่องบินของศัตรูเสียหายหลายลำ ซึ่งได้ทำให้ศัตรูเสียขวัญเป็นอย่างมาก

พบกับผู้ที่มีความทรงจำแห่งอมตะ - ảnh 2
ทหารหญิงท้องถิ่นในสงครามต่อต้านอเมริกาผู้รุกราน ( อินเตอร์เน็ต )

อดีตทหารคอมมานโดไซ่ง่อนเลถิ่ทูเหงวียตแม้ย่างเข้าวัย ๗๐ แต่ก็ยังสวยไม่สร่าง ท่านคุยเรื่องอดีตการเคลื่อนไหวปฏิวัติด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยน้ำใจและความเมตตาว่า เธอเข้าร่วมการเคลื่อนไหวปฏิวัติตั้งแต่ยังสาว โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ส่งจดหมายและเอกสารลับให้กับองค์การจากนั้นเธอได้เข้าร่วมขบวนการคอมมานโด และได้สร้างผลงานของตัวเองด้วยการฆ่าทหารสหรัฐอเมริกา ๔ นาย แต่ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่เธอจนได้รับตั้งชื่อว่า นกเหล็กก็คือ การวางระเบิดเวลาเพื่อลอบสังหารที่ปรึกษาฝ่ายทหารของสหรัฐอเมริกา ณ สนามบินเตินเซินเญิ้ต “ เวลา ๙.๐๐น.เช้าวันนั้น ดิฉันพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งได้แอบวางระเบิด ซีโฟ ( C4 )ขึ้นเครื่องบินที่มีนายทหารระดับสูงของสหรัฐอเมริกา ๑๓๐ นาย  ตามแผนที่วางไว้ดิฉันได้ตั้งเวลาให้ระเบิดหลังจากที่เครื่องบินออกประมาณ ๒๐ นาที
แต่ไม่ได้ยินข่าวระเบิด วันถัดมาดิฉันได้ยินข่าวจากวิทยุบีบีซีว่าเครื่องบินระเบิดขณะลงจอดชั่วคราวที่โฮโนลูนูและนายพลคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ  เหตุการณ์นี้ได้ดังก้องกระเดื่องไป  ประธานโฮจิมินห์ได้โทรศัพท์มาชื่นชมผลงานของดิฉันและหน่วยคอมมานโดของดิฉันด้วย
 ”
จากผลงานดังกล่าวคุณเลถิ่ทูเหงวียตได้รับสดุดีเป็นนักรบแข่งขัน แต่ยังไม่ทันเสวยความสุขอย่างเต็มที่เธอถูกศัตรูจับกุมและถูกตัดสินจำคุกหนักถึง ๒๐ ปีในวัย ๑๙  แม้ถูกทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้ายในเรือนจำแต่คุณเหงวียตยังทำการเคลื่อนไหวปฏิวัติโดยจัดการชุมนุมประท้วงศัตรูในเรือนจำและยังมีความหวังในอนาคตที่สดใส

แม้กาลเวลาได้ล่วงเลยไปแต่สำหรับทหารผ่านศึกนั้น พวกเขายังตั้งความหวังในชีวิตและรู้สึกภูมิใจที่ได้อุทิศชีวิตส่วนหนึ่งเพื่อเอกราชของประเทศ และในปัจจุบันความทรงจำในช่วงนั้นยังคงสถิตอยู่ในดวงใจของพวกเขาตลอดไป ./.

Komentar