นาย เหงวียนวันเตวี๊ยน |
เมื่อปี2006 นาย หว่างวันเตวี๊ยน ชาวกรุงฮานอย ได้เดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์กุ้ยหลิน มลฑลกวางสี หลังจากเรียนจบ เมื่อต้นปี2012 นาย หว่างวันเตวี๊ยนได้ตัดสินใจสร้างฐานะในเมืองหนานหนิง ในตอนนั้น นาย เตวี๊ยนมีเงินพอแค่ซื้อจักรยานไฟฟ้า1คันเท่านั้น นาย เตวี๊ยนได้เล่าว่า “ในตอนแรก ผมไม่รู้จักใครเลยและไม่วางแผนว่า จะทำอะไร ดังนั้น ผมจึงขี่จักรยานไฟฟ้ารอบๆเมืองหนานหนิง มีวันหนึ่ง ผมบังเอิญเดินผ่านตลาดขายผลไม้และคิดว่า ทำไมผมไม่นำเข้าผลไม้ของเวียดนามมาขายที่ตลาดแห่งนี้”
หลังจากนั้น นาย เตวี๊ยนได้ตัดสินใจกู้เงินเพื่อลงทุนซื้อแตงโมจากเวียดนามส่งออกไปยังประเทศจีน แต่หลังฤดูกาลแตงโม นาย เตวี๊ยนก็ต้องหยุดยาวหลายเดือนเพื่อรอฤดูกาลใหม่ เขาเลยคิดว่า ต้องหาวิธีการประกอบธุรกิจใหม่ โดยเขาได้เดินทางไปยังจังหวัดลองอานและเตี่ยนยางเพื่อศึกษาเกี่ยวกับแก้วมังกรและหาแหล่งจัดสรรแก้วมังกรเพื่อส่งแก้วมังกรไปยังจีน
ในช่วงแรก เนื่องจากมีลูกค้าไม่มาก นาย เตวี๊ยนก็ขาดทุนอย่างหนัก ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุแก้วมังกรนับพันลังที่นำเข้าจากเวียดนามสามารถขายได้แค่วันละสิบกว่าลังเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาทั้งเดือนก็ขายไม่หมด ผลไม้เน่าเสียต้องทิ้งไปครึ่งตู้คอนเทนเนอร์ แต่อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นาน จำนวนลูกค้าของนายเตวี๊ยนก็เพิ่มขึ้นและหุ้นส่วนบางคนก็มีความเชื่อมั่นให้นายเตวี๊ยนกู้เงินด้วย ซึ่งก็ทำให้การประกอบธุรกิจของนาย เตวี๊ยนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น “ในช่วงฤดูหนาว ประเทศจีนมีผลไม้ไม่มาก ส่วนภาคใต้ของเวียดนาม มีผลไม้หลากหลายชนิด ดังนั้น การส่งออกผลไม้ของเวียดนามไปยังเจีนถือว่าเป็นแนวทางที่ดี”
ครอบครัวของนาย เหงวียนวันเตวี๊ยน |
มีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่นั่งอยู่กับหุ้นส่วนชาวจีน เมื่อเห็นพวกเขาชื่นชอบเครื่องเฟอร์นิเจอร์เวียดนามและอยากให้นายเตวี๊ยนพาไปเวียดนามเพื่อซื้อกลับ เขาก็เลยมีความคิดประกอบธุรกิจเครื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยเขาคิดว่า เวียดนามมีโรงงานผลิตเครื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีชื่อเสียง ทำไมไม่ลองประกอบธุรกิจสินค้าชนิดนี้และคิดแล้วก็ทำ นายเตวี๊ยนได้กู้เงินและเริ่มสั่งเฟอร์นิเจอร์ไม้จากหมู่บ้านด่งกิ จังหวัดบั๊กนิงมาดัดแปลงปรับปรุงตามความต้องการของชาวจีน เฟอร์นิเจอร์ไม้ของด่งกิได้รับความนิยมจากชาวจีนเพราะส่วนใหญ่ทำด้วยมือ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับเครื่องเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตแพร่หลายในจีน ทำให้รายได้จากโรงเครื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้ของนายเตวี๊ยนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อจำผลสำเร็จในการประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ไม้และผลไม้แล้ว นาย เตวี๊ยนเผยว่า ในเวลาที่จะถึง เขาจะลงทุนเพื่อส่งออกปลาบาซาไปยังจีน “ตลาดจีนใหญ่มากและมีความได้เปรียบสำหรับการส่งออกสินค้าของเวียดนาม หลังจากสำรวจตลาดสัตว์น้ำ ผมเห็นว่า ปลาบาซาของเวียดนามสามารถจำหน่ายในตลาดจีนได้ โดยเฉพาะ ในช่วงฤดูหนาว ชาวจีนชอบทานปลาชนิดนี้”
ความสำเร็จของนายเตวี๊ยนในการประกอบธุรกิจที่ประเทศจีนมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญของนางเท้าซีเวิ้น ภริยาชาวจีนของเขา ซึ่งเป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆแม้กระทั่งธุรกิจล้มเหลวขาดทุน โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้น ความสามารถด้านภาษาจีนของนายเตวี๊ยนยังไม่มากแต่เขาก็พยายามจีบสาวชาวจีน หลังจากแต่งงานกัน นาง เวิ้นก็ตั้งใจดูแลครอบครัวและช่วยเหลือการประกอบธุรกิจของสามี แม้จะอยู่อาศัยในประเทศจีนแต่บ้านของนายเตวี๊ยนและนางเวิ้นได้รับการตกแต่งเหมือนบ้านของเวียดนาม นาง เวิ้นพยายามทำอาหารเวียดนามให้สามีทาน นอกจากนี้ เธอและลูกสองคนก็เรียนภาษาเวียดนามเพื่อมีความเข้าใจเกี่ยวกับบ้านเกิดของสามีมากขึ้น นาง เวิ้นบอกว่า ครอบครัวสามีต่างรักเธอ เธอบอกว่า “เมื่อก่อนนี้ ดิฉันไม่เคยคิดว่า จะแต่งงานกับชาวเวียดนามแต่ตอนนี้ ความรักที่มีต่อสามีได้ช่วยให้ดิฉันฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ.