หากเดินทางมาที่อำเภอเดินเยืองในช่วงเที่ยงคืนก็จะเห็นบรรยากาศที่สว่างไสวจากระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งตามสวนพืชผักต่างๆ โดยประชาชนในอำเภอได้เลือกประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการปลูกพืชและเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ นายท้ายออน เลขาธิการพรรคสาขาอำเภอเดินเยืองเผยว่า “อำเภอเดินเยืองมีสภาพภูมิอากาศและดินที่เหมาะสำหรับการปลูกผักและพืช  จากความได้เปรียบนี้ ทางอำเภอได้ให้ความร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์เพื่อทำการวิจัยเพื่อถ่ายทอดให้ประชาชนเข้าใจการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผลิตเกษตร  ส่วนรัฐก็ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การฟันฝ่าอุปสรรคและพัฒนาต่อไปของประชาชนท้องถิ่น”

เดี๋ยวนี้ พื้นที่แต่ละตารางนิ้วในอำเภอเดินเยืองต่างปกคลุมไปด้วยสีเขียวของพืชผักโดยตั้งแต่ปี 2007 ชาวเดินเยืองได้ปฏิบัติการปลูกพืชตามมาตรฐานโกลบอลแก็ป ซึ่งเกษตรกรทั้งทำทั้งจดข้อมูลและตรวจสอบขั้นตอนต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการพัฒนาการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในแต่ละหมู่บ้าน เกษตรกรร่วมกันเป็นกลุ่มผลิตหรือเข้าร่วมสหกรณ์เพื่อช่วยเหลือกันในการผลิต นายหวูกวางเห่า หัวหน้าสหกรณ์ “สีเขียว” กล่าวถึงการช่วยเหลือสมาชิกในการปลูกดอกไม้เชิงพาณิชย์ว่า “ถ้าเราปลูกดอกไม้แบบรายย่อยก็ต้องเก็บเองและขนไปขายที่ตลาดเอง รายได้ก็ไม่มั่นคงแต่ถ้าหากทำการปลูกแบบสวนขนาดใหญ่เหมือนที่ดาลัด ลูกค้าจะมาซื้อเหมาที่สวนเลย ซึ่งเมื่อเข้าสหกรณ์ เกษตรกรจะได้รับประโยชน์หลายอย่าง เช่น ไม่ต้องศึกษาเองหากทางการอำเภอมีโครงการช่วยเหลืออะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนหรือพันธุ์พืชใหม่ก็ได้รับประโยชน์ด้วยแถมยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน”

กระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทางที่ทันสมัยกำลังเป็นไปอย่างคึกคักในทั่วอำเภอ โดยพื้นที่ปลูกผักร้อยละ 71 มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ช่วยทำให้ยอดมูลค่าการผลิตในพื้นที่เดียวกันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 150 ล้านด่งต่อเฮ็กต้าต่อปี ทั้งอำเภอมีครอบครัวที่ทำการผลิตและประกอบธุรกิจเก่งประมาณ 6.400 ครอบครัวและจำนวนครอบครัวที่สามารถซื้อรถยนต์จากการปลูกผักก็มีไม่น้อย นายดิงวันตว๊าน ชาวบ้านหลากเวียน ตำบลหลากซวนเผยว่า “เดี๋ยวนี้ เศรษฐกิจได้พัฒนาแล้ว หลายครอบครัวมีฐานะดีขึ้น ชาวบ้านปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ ใครมีเงินทุนมากก็จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า ส่วนครอบครัวของผมปลูกผักในพื้นที่เกือบ 1 ไร่ มีรายได้ประมาณ 100 ล้านด่งต่อปี”

นอกจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการปลูกผักแล้ว ทางอำเภอยังมีการพัฒนาการเลี้ยงวัวนมตามแนวทางที่ทันสมัยอีกด้วย นายท๊ายออน เลขาธิการอำเภอฯเผยว่า  “ฝูงวัวนมของอำเภอฯมีประมาณ 6000 ตัว คิดเป็นร้อยละ 60-80 ของจังหวัดและทำรายได้สูง ปัจจุบันนี้ พวกเราไม่เพียงแต่พัฒนาฝูงวัวนมในตำบลสังกัดโครงการเท่านั้น หากยังขยายผลในตำบลอื่นๆอีกด้วย ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนม ได้ให้การช่วยเหลือทั้งเงินทุน เทคนิกและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเพื่อให้ชาวบ้านพัฒนาการเลี้ยงวัวนม ซึ่งช่วยให้ชาวบ้านมีฐานะดีขึ้น”

นอกจากให้การช่วยเหลือในด้านเงินทุน ทางอำเภอฯยังส่งเจ้าหน้าที่การเกษตรลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเกษตรกรเทคนิกการปลูกผักสะอาด การปลูกผักและการเพาะกล้าในโรงเรือนพร้อมระบบรดน้ำอัตโนมัติ มีบางครอบครัวยังลงทุนนับพันล้านด่งเพื่อซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้าช่วยในการผลิตเพื่อแทนแรงงานคน ซึ่งประชาชนไม่เพียงแต่เน้นถึงการเพิ่มผลผลิตเท่านั้น หากยังเน้นปรับปรุงวิธีการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ผลิตภัณฑ์ที่สะอาด มีมูลค่าสูงและบรรลุมาตรฐานการส่งออก นั่นคือความคล่องตัวของประชาชนที่นี่ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิตการเกษตรเพื่อพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตอย่างมั่นคง./.