กระบวนการนำแสงสว่างมาให้แก่คนตาบอดยากจน

Kim Dung- Thu Hoa
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อ 2 ปีก่อนเรื่องราวของเด็กหญิง หายแอน อายุ 7 ขวบในกรุงฮานอยที่จากไปและได้ฝากกระจกตาไว้เพื่อช่วยให้คนพิการทางสายตา 2 คนได้มองเห็น ได้สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ผู้คนหลายคน หลังจากนั้นก็มีหลายคนลงทะเบียนบริจาคกระจกตา  แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีผู้ป่วยโรคกระจกตาหลายพันคนที่รอการปลูกถ่าย แต่จำนวนผู้บริจาคยังน้อยเกินไป ดังนั้นสมาคมคุ้มครองผู้ป่วยยากจนของนครโฮจิมินห์กำลังพยายามอย่างเต็มที่ในกระบวนการนำแสงสว่างมาให้แก่คนตาบอดยากจน”
กระบวนการนำแสงสว่างมาให้แก่คนตาบอดยากจน - ảnh 1แพทย์ตรวจรักษาโรคให้แก่ผู้ป่วย 

เหลือเวลาอีกเพียง1 เดือน นาย ฝ่ามวันเกื่องอายุ 33 ปีในจังหวัดอานยางจะสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง นอกจากนี้นาย เกื่อง จะสมัครงานในตำแหน่งคนงานก่อสร้างอย่างมั่นใจโดยนายจ้างไม่กังวล ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน นาย เกื่อง อาศัยอยู่กับปู่ย่าตั้งแต่ตอนอายุ 4 ขวบ ในขณะตามญาติไปเกี่ยวข้าวที่ทุ่งนาก็โดนเปลือกข้าวกระเด็นเข้าตาขวาจนบาดเจ็บ ตั้งแต่นั้นมาตาขวาของเขาก็มองไม่เห็น ส่งผลให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด 29 ปี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ป่วยโรคมะเร็งในนครโฮจิมินห์ที่ลงทะเบียนบริจาคกระจกตาเสียชีวิต คุณเกื่องได้รับการสนับสนุนจากสมาคมคุ้มครองผู้ป่วยยากจนนครโฮจิมินห์ประสานงานกับโรงพยาบาลเหงียนจ๋าย เพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา “ผมรู้สึกดีใจมาก เมื่อก่อน มองไม่เห็นถนน ตาอีกข้างก็ไม่แข็งแรง ป่วยเป็นกระจกตาขยายตัว แต่ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จทำให้ปวดตาน้อยลง ผมจึงมองเห็นถนนแล้วและทำงานสะดวกมากขึ้น เมื่อก่อน การสมัครงานเป็นเรื่องยากมาก”

ส่วนนาย เหงียนวันตู๊ อายุ 47 ปีในอำเภอ ฮอกมน นครโฮจิมินห์ได้ถูกวัตถุแปลกปลอมเข้าตาในขณะขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หลังจากดูแลรักษาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแพทย์สรุปว่าไม่สามารถช่วยดวงตาหนึ่งข้างของเขาได้ นายตู๊ได้รอคอยปาฏิหาริย์วันแล้ววันเล่าหลังจากลงชื่อเข้ารับการปลูกถ่ายกระจกตาที่สมาคมคุ้มครองผู้ป่วยยากจนนครโฮจิมินห์ แต่นายตู๊ก็โชคดีที่ได้รับเลือกให้ปลูกถ่ายกระจกตาฟรีและกลับมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ตามปกติอีกครั้ง “เมื่อออกไปข้างนอกผมก็มีความมั่นใจมากขึ้นและการทำมาหากินก็ดีขึ้นด้วย ตอนนี้ ผมยังขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างและช่วยภรรยาขายข้าวริมทางให้กับคนงาน ผมขอขอบคุณผู้บริจาคกระจกตาที่ทำให้ผมพบแสงสว่าง ผมขอสัญญาว่าจะเป็นพลเมืองที่ดี”

ทั้งสองเป็นบุคคลที่โชคดีมากในกลุ่มคนตาบอดและผู้พิการทางสายตายากจนหลายพันคนที่ได้รับการบริจาคกระจกตา ตามรายงานของสมาคมคุ้มครองผู้ป่วยยากจนนครโฮจิมินห์ทุกปีมีผู้ที่ตาบอด 1 ข้างหรือทั้งสองข้างประมาณ 2,000 คนเนื่องจากความเสียหายของกระจกตาที่ลงทะเบียนขอรับการปลูกถ่ายกระจกตาฟรี แต่มีเพียง 2-3 คนที่บริจาคกระจกตาซึ่งหมายความว่ามีเพียงผู้ป่วย4-6 คนเท่านั้นที่จะได้รับการปลูกถ่าย

กระบวนการนำแสงสว่างมาให้แก่คนตาบอดยากจน - ảnh 2การปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วย 

นาย เจิ่นแถ่งลอง นายกสมาคมคุ้มครองผู้ป่วยยากจนนครโฮจิมินห์เผยว่า ทางสมาคมฯมีแพทย์และโรงพยาบาลที่พร้อมจะทำการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาให้ผู้ป่วยฟรี ดังนั้น ถ้ามีผู้บริจาคมากขึ้น ผู้ป่วยตาบอดยากจนก็จะมีโอกาสได้เห็นแสงสว่างมากขึ้นตามไปด้วย“แพทย์ทำงานฟรี แม้กระทั่งผู้ป่วยมาตรวจอีกครั้ง ถ้าไม่มีเงินหมอจะช่วยจ่ายค่าเดินทางด้วย บางครั้ง ทางสมาคมฯจะไปเยี่ยมเยียน มอบของขวัญเพื่อดูว่าชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าดีขึ้นเราจะประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนจำนวนมากรับทราบเข้าใจและให้การสนับสนุน”

นายแพทย์ เจิ่นแทงแยง หัวหน้าแผนกจักษุวิทยาโรงพยาบาลเหงียนจ๋าย นครโฮจิมินห์ เผยว่า ในตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาแผนกจักษุวิทยาได้ทำการปลูกถ่ายกระจกตาให้กับผู้ป่วย 49 คน ผู้ที่ต้องการการปลูกถ่ายกระจกตามีจำนวนมาก แต่จำนวนผู้บริจาคมีน้อยเกินไป โดยแพทย์สามารถรับกระจกตาจากผู้ป่วยบริจาคได้ 25 คนเท่านั้น ในบรรดาผู้ป่วยหลายพันคนที่รอการปลูกถ่ายกระจกตาการเลือกผู้รับการรักษาเป็นเรื่องยากมากสำหรับแพทย์ เกณฑ์คัดเลือกปลูกถ่ายกระจกตาคือคนที่ตาบอดทั้ง 2 ข้างและคนหนุ่มสาวที่มีภาระครอบครัว” “จริงๆ ความคิดเรื่องการบริจาคกระจกตาในเวียดนามมีไม่มากนัก หวังว่า ในอนาคตจะมีผู้คนมากมายที่มีความเมตตากรุณาเสียสละส่วนหนึ่งของร่างกายเมื่อเสียชีวิตเพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการโดยเฉพาะคนตาบอดที่มีอายุน้อยและมีภาระในการเลี้ยงครอบครัว”

ผู้ที่ลงทะเบียนบริจาคร่างกายนอกจากสามารถช่วยให้หลาย ๆ คนกลับมามองเห็นได้อีกครั้งก็ยังช่วยผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ จำนวนมาก เช่น ปอด ตับและหัวใจ ดังนั้น การบริจาคกระจกตาจึงเป็นการสานต่อชีวิตใหม่ที่มีความหมายและเป็นการกระทำอันสูงส่งที่น่าได้รับการยกย่องสดุดีในสังคม./.

Komentar